“เสียรู้ ออนไลน์ เกือบสิ้นทั้งเป็น” เรื่องจริงของผู้หญิงที่ถูกหลอก
ในโลกโซเชียลมีทั้งด้านดีและด้านลบหลายคนมีเพื่อนดี ๆ ได้แฟนดี ๆ จากการพูดคุยสื่อสารผ่านโลกเสมือน
จริงนี้ แต่คงไม่ใช่ฉัน ที่เกือบสื้นทั้งเป็นเ พ ร า ะอาหารลดน้ำหนักและผู้ชาย (ออนไลน์)
อาหารเสริมลดน้ำหนักในเว็บไซต์ทำเกือบเสียชีวิต
สมัยเรียนมัธยมฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่หน้าตาพอใช้แม้ออกจะเจ้าเนื้อแต่ก็ใช้ชีวิตอย่ างมีความสุข
ไม่ได้กังวลเรื่องรูปร่างหน้าตาของตัวเองเลย จนกระทั่งเข้าสู่วัยสาวและเข้ามาเรียนมหาวิทย าลัยเอกชน
ในกรุงเทพฯ รูปร่างที่สูงเพียง 156 เซนติเมตร แต่หนักถึง 60 กิโลกรัม กลายเป็นปัญหาที่ทำให้ฉัน
กังวลอยู่เสมอ
เมื่อมองไปรอบกาย เห็นเพื่อน ๆ ในมหาวิทย าลัยรูปร่างบอบบางกันทั้งนั้น ใส่เสื้อตัวเล็ก กระโปรงฟิตได้
อย่ างสวยงาม ฉันใส่ชุดแบบนั้นไม่ได้ ด้วยใจที่อย ากลดความอ้วนให้ได้ผลเร็วที่สุด จึงไปคลินิกลดความ
อ้วนชื่อดังแห่งหนึ่งตามที่เพื่อนแนะนำ เมื่อเริ่มกินย าลดความอ้วน สัปดาห์แรกก็เห็นผลทันตา น้ำหนักลด
ลงทันใจ แต่พอเข้าสัปดาห์ที่ 2 ฉันกลับมีอาการคลื่นไส้อาเจียน มีไข้ ไปเรียนหนังสือไม่ได้ถึง 2 วัน
ฉันหยุดกินย าทันที และรู้สึกกลัวจนไม่กินย าพวกนี้อีกเลย
จนกระทั่งเรียนจบและเข้าทำงานที่แรก พี่ที่ทำงานชวนให้ฉันลองกิน “อาหารเสริมลดน้ำหนัก” ฉันอย าก
ลดน้ำหนัก แต่ไม่ชอบออกกำลังกายการกินอาหารเสริมลดความอ้วนจึงเป็นวิธีลัดที่ฉันคิดว่าไม่อันตรา ย
และหาซื้อได้ง่ายตามเว็บไซต์ ใครว่าแบบไหนดีก็ลองหมดทุกอย่ าง ไม่ว่าจะเป็นผงชงดื่ม ชาขับ
ปัสสาวะหรือไฟเบอร์อัดเม็ดที่กินแล้วทำให้ไม่หิว
เมื่อกินอาหารเสริมพวกนี้แล้วเห็นผลว่าน้ำหนักค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ ฉันจึงกินต่อเนื่องอยู่เป็นปีประกอบ
กับภาระงานในแต่ละวันที่แสนวุ่นวายทำให้ต้องอั้นปัสสาวะเป็นประจำ ในที่สุดก็ป่วยเป็นโรค “กระเพ าะ
ปัสสาวะอักเสบ” ที่คิดเอาเองว่าไม่ใช่เรื่องรุนแรงอะไร
ต่อมาไม่นานฉันต้องเข้าโรงพย าบาลอีกครั้งเ พ ร า ะมีอาการหนาวสั่น ปัสสาวะเป็นสีแดง คราวนี้คุณหมอ
บอกว่าฉันเป็น “กรวยไตอักเสบ” ซึ่งน่าจะเกิดจากการแพ้สารบางอย่ างในอาหารเสริมที่กินเป็นประจำแต่
ฉันไม่ได้ปริปากบอกคุณหมอ กลับจากโรงพย าบาลคราวนั้น ฉันเลิกกินอาหารเสริมชนิดนั้น แต่หันมา
ลองตัวใหม่ ๆ แทน ซ้ำยังไม่ดูแลร่างกายและอาหารการกินให้ดีขึ้น ยังคงกินอาหารรสเค็มจัดและอั้น
ปัสสาวะเหมือนเดิมในที่สุดสุขภาพของฉันก็เริ่มเข้าขั้นวิกฤติ
วันหนึ่งฉันรู้สึกไม่สบาย คลื่นไส้ อาเจียน เพลีย กินอาหารไม่ลง ที่สำคัญคือ นอนราบไปกับเตียงไม่ได้
จึงรีบไปโรงพย าบาลครั้งนี้ได้พบกับคุณหมอเฉพาะทาง ซึ่งถามว่า “คุณกินย าลดน้ำหนักด้วยใช่ไหม”
ครั้งนี้ฉันจำต้องยอมรับตรงๆคุณหมอบอกว่าอาการที่เป็นในเวลานั้นคือ “ไตวายเฉียบพลัน”เ พ ร า ะ
ของเสียในร่างกายไม่สามารถขับออกมาได้ ทำให้ร่างกายดูดซึมของเสียเหล่านี้กลับเข้าไปอีก
หลังจากนอนพักรักษาตัวที่โรงพย าบาล 2 สัปดาห์ คุณหมอให้กลับไปรักษาตัวที่บ้าน โดยให้ลองกิน
ย าชนิดหนึ่งเป็นเวลา 2 เดือน ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้รีบกลับมาที่โรงพย าบาลอีกครั้ง ปรากฏว่าอาการมี
แต่แย่ลง จนในที่สุดคุณหมอบอกฉันว่าเป็น “ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย” วิธีรักษามีทางเดียวคือรอ
การเปลี่ยนไตเท่านั้น
เมื่อรู้ว่าต้องเปลี่ยนไต ใจฉันหล่นวูบไม่เคยคิดว่าแค่การกินอาหารเสริมลดน้ำหนักจะทำให้ต้องมาเจอเรื่อง
รุนแรงที่สุดในชีวิตเช่นนี้ ฉันสิ้นหวังไปทุกอย่ าง ร้องไห้ฟูมฟาย ในสมองตื้อไปหมด ไม่รู้ว่าจะต้องทำ
อย่ างไรต่อไปเมื่อแม่รู้ข่าวก็รีบเดินทางจากต่างจังหวัดมาหาฉันรู้ว่าแม่เสียใจมากแต่ท่านก็พย าย าม
ปลอบให้กำลังใจ แม้ว่าจะหลุดคำพูดบางคำที่ทำให้ฉันรู้สึกผิดและสงสารแม่จับหัวใจ
“ตอนเกิดแม่ให้เราเกิดมาครบสมบูรณ์ทุกอย่ าง ทำไมมาทำกับตัวเองแบบนี้ล่ะลูก”
ตอนนั้นฉันไม่สามารถปัสสาวะเองได้อีกแล้ว ต้องเอาของเสียออกจากร่างกายด้วยการฟอกเส้นระยะแรก
ต้องฟอกเส้นด้วยการเจาะคอเป็นเวลา 3 เดือน หลังจากนั้นจึงผ่าตัดตัดต่อเส้นดำเข้ากับเส้นแดงบริเวณ
แขนซ้าย สำหรับการฟอกเส้นด้วยไตเทียม ทำให้แขนของฉันมีรอยปูดนูนขึ้นมาอย่ างเห็นได้ชัดสองจุด
ระหว่างนั้นคุณหมอแนะนำให้ไปขอรับบริจาคไตไว้ด้วย
ฉันต้องฟอกเส้นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ทุกครั้งที่ถูกเข็มทิ่มเข้าไปในเส้น
แดง เจ็บปวดทรมานมาก ระหว่างฟอกเส้นบางครั้งก็มีอาการข้างเคียง เช่น ความดันตกหรือเป็นตะคริว
ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละวันต้องคอยจำกัดอาหารและปริมาณน้ำที่ดื่ม เพื่อให้ร่างกายพร้อมสำหรับการฟอก
เส้นในแต่ละครั้ง
ทุกอย่ างในชีวิตของฉันเปลี่ยนแปลงไปหมด เหมือนไม่มีอิสรภาพ ไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวที่ไหนได้
นานเกิน 3-4 วัน เ พ ร า ะฉันต้องไปฟอกเส้นที่โรงพย าบาลตามนัด ค่าใช้จ่ายก็สูงมาก เดือนหนึ่งต้อง
เสียเงินหลักหมื่น โชคดีที่เวลานั้นฉันเป็นข้าราชการแล้ว จึงเบิกค่าใช้จ่ายได้เกือบหมด
หลังจากทรมานจากการฟอกไตมาถึง 7 ปี อาการก็ทรุดลงเรื่อย ๆ จนแทบจะหมดความหวัง ทั้งตัวบวม
เหนื่อยง่าย หน้าตาหมองคล้ำ ไตทั้งสองข้างทำงานแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ได้แต่รอความหวังที่จะมีคน
บริจาคไตให้ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แล้ววันหนึ่งฉันก็ได้รับข่าวดี และโชคดีมากที่ไตซึ่งได้รับบริจาคมาสามารถเข้ากับร่างกายของฉันได้เป็น
อย่ างดี ฉันเหมือนกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง โลกของฉันสดใสขึ้นทันตา แต่ก็ได้ไม่นาน เ พ ร า ะ
หลังจากนั้นฉันก็สร้างปัญหาให้ตัวเองอีกครั้ง
แฟนฝรั่งในโซเชียลหลอกให้โอนเงินเป็นแสน ๆ
ฉันเติบโตมาในครอบครัวที่มีญาติพี่น้องเยอะ ทำให้มีลูกพี่ลูกน้องหลายคนเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาวพี่น้องและ
ญาติ ๆ ทยอยแต่งงานไปกันหมด เหลือแต่เพียงฉันในวัยสามสิบกว่าปีที่ไม่เคยมีแฟนเลยแม้แต่คนเดียว
ถึงหน้าที่การงานจะดี เงินทองมีใช้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่อาจเติมเต็มความรู้สึกของฉันได้ ฉันรู้สึกเหงาและว้า
เหว่มาก ครั้งหนึ่งเคยตัดสินใจลองใช้บริการบริษัทจัดหาคู่ ซึ่งนัดเดตให้ฉันกับชายไทยคนหนึ่งแต่ก็ไม่
ประทับใจ จึงหันไปปรึกษาเพื่อนที่ทำงาน เธอแนะนำว่า“ภาษาอังกฤษของเธอออกจะดี หาแฟนเป็น
ฝรั่งดูสิ หาตามเว็บไซต์ก็ได้นะ ไม่ต้องเสียเงินให้บริษัทจัดหาคู่ด้วย”
ฉันจึงเริ่มเข้าเว็บไซต์หาคู่ แล้วโพสต์ข้อมูลส่วนตัว พร้อมรูปยิ้มหวาน ๆ น่ารัก ๆ ไม่นานก็มีชาวต่างชาติ
คนหนึ่งโพสต์ขออีเมล หลังจากแลกอีเมลกัน เราสองคนก็เริ่มคุยกันผ่านตัวอักษรเขาส่งรูปตัวเองมาให้ดู
และบอกว่าเขาเป็นคนอังกฤษ ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่คุยกัน ฉันมีความสุขมาก เ พ ร า ะเขาชมว่าฉัน
น่ารัก และเรียกฉันว่า “ที่รัก” เสมอ
จนวันหนึ่งเขาบอกว่ากำลังจะมาเที่ยวเมืองไทย แต่ต้องมาแวะรับเช็คให้พ่อที่มาเลเซียก่อน เขามีปัญหา
ว่าค่าเดินทางไม่พอจึงอย ากขอยืมเงินฉันก่อน เมื่อมาถึงเมืองไทยแล้วจะรีบคืนเงินให้
ด้วยความที่เราพูดคุยด้วยดีตลอดมาเมื่อรู้ว่าเขามีปัญหา ฉันไม่รีรอที่จะช่วยเหลือเขา โดยส่งเงินให้เขาผ่าน
ทางเวสเทิร์นยูเนี่ยนประมาณ 4 ครั้ง ครั้งละ 500 – 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ รวมแล้วคิดเป็นเงินไทย
ประมาณ 50,000 บาท แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้มาเมืองไทย
หลังจากนั้นเขาก็ให้ฉันส่งเงินให้อีกเรื่อย ๆ โดยอ้างความจำเป็นสารพัด ครั้งสุดท้ายฉันส่งเงินให้เขาอีก
30,000 บาท ซึ่งทำให้การเงินของฉันเริ่มมีปัญหา เ พ ร า ะเงินเก็บหายวับไปกับตา เมื่อนำเรื่องนี้
ปรึกษาเพื่อนที่ทำงานเพื่อหาเงินกู้ เพื่อนบอกว่าฉันถูกหลอกแล้ว
ฉันรีบโทร.ไปตรวจสอบกับเวสเทิร์นยูเนี่ยนและได้รับคำตอบว่า “สงสัยคุณจะโดนหลอกแล้วละค่ะแต่
ทางเราได้บล็อกเงินที่ส่งครั้งล่าสุดไว้แล้วนะคะ” นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันโดนหลอก ซึ่งทำเอาเงินที่
สะสมไว้มาหลายปีเกือบหมดไป
เจ็บแล้วไม่จำ ยังโดนหลอกซ้ำอีก
แม้จะเจ็บใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ฉันยังไม่เข็ดกับความรัก ไม่นานหลังจากนั้นฉันได้คุยกับชายชาว
อังกฤษคนหนึ่งทาง hi5 เขาบอกว่าทำธุรกิจส่งออกสินค้าทางเรือ คุยกันเกือบเดือน เขาก็บอกฉันว่า
จะส่งของขวัญวันเกิดมาให้ทาง FedEx โดยจะสอดเงินสดในนั้นมาให้ด้วยตอนนั้นฉันหัวใจพองโต
ด้วยความดีใจที่จะได้รับของขวัญจากคนที่กำลังดูใจกัน โดยไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น
สองสามวันหลังจากนั้นก็มีผู้หญิงไทยคนหนึ่งโทร.มาบอกว่า พัสดุมาถึงเมืองไทยแล้ว แต่ฉันต้องเสียภาษี
นำเข้า 26,000 บาท ฉันไม่ได้เอะใจอะไรเลย รีบโอนเงินไปทันที แม้ว่าบัญชีที่โอนเข้าไปจะเป็นบัญชี
คนไทย แต่ฉันเข้าใจว่าเป็นตัวแทนของบริษัทส่งของ
วันต่อมาผู้หญิงคนเดิมโทร.มาบอกว่า ฉันต้องเสียค่าภาษีเพิ่มอีก 55,000 บาท เ พ ร า ะสแกนในกล่อง
ดูแล้วพบว่ามีเงินสดอยู่ในนั้น คราวนี้ฉันเริ่มฉุกคิดว่าน่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ จึงรีบติดต่อชาย
คนนี้ แต่ติดต่อเท่าไหร่เขาก็ไม่ตอบอะไรกลับมาเลย ฉันจึงไม่ได้ส่งเงินอีกก้อนที่ผู้หญิงคนนั้นแจ้งมา
เ พ ร า ะคิดว่าเหตุการณ์ไม่น่าไว้ใจแล้ว
หากเป็นคนอื่น ถ้าถูกหลอกถึงสองครั้งติดกันคงจะหลาบจำไปแล้ว แต่สำหรับฉันสองครั้งนี้
เป็นเหมือนแค่การเริ่มต้นเท่านั้น
ไม่กี่เดือนต่อมา ฉันได้คุยกับชายชาวอังกฤษอีกคนทางเฟซบุ๊ก คนนี้ท่าทางจริงใจ เขาบอกว่าอีกไม่กี่ปีจะ
เกษียนและมาอยู่เมืองไทย เราคุยกันทุกวันเป็นเวลา 3 เดือน เขาบอกว่าอย ากแต่งงานกับฉันตอนนั้น
หัวใจฉันพองโต มีความสุขมาก (อีกครั้ง) แม้ยังไม่เคยได้เจอตัวจริงของเขา แต่ก็ดีใจที่คราวนี้จะได้
เจอคนที่ใช่เสียที ไม่นานนักเขาเขียนมาว่าได้ส่งกล่องพัสดุซึ่งมีโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์
โน้ตบุ๊ก รวมทั้งชุดแต่งงานและเงินจำนวน 300,000 ดอลลาร์สหรัฐมาเป็นของขวัญให้ก่อน
แม้เรื่องราวคล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ในตอนแรกฉันกลับไม่ฉุกใจคิดอะไรเลยแม้แต่น้อยต่อมามีคน
โทร.มาแจ้งให้ฉันไปเสียค่าภาษีนำเข้าและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เพื่อรับกล่องพัสดุชิ้นนี้ถึง 3 ครั้ง
ค่าธรรมเนียมแต่ละครั้งไม่ใช่เงินน้อย ๆ แต่ฉันก็ยอมไปโอนเงินให้แต่โดยดีเ พ ร า ะคนที่ติดต่อ
มาส่งหลักฐานที่น่าเชื่อถือมาทางเฟซบุ๊กเสมอ
ครั้งนี้เงินที่ต้องจ่ายค่อนข้างสูง ฉันมีเงินไม่พอ ต้องไปกดเงินสดจากบัตรเครดิตมาใช้ไปก่อนจนสุดท้าย
เมื่อเสียเงินไปถึง 115,000บาท จึงเริ่มสงสัยว่าทำไมจ่ายค่าธรรมเนียมไปขนาดนี้แล้วยังไม่ได้รับของอีก
เมื่อฉุกคิดได้จึงโทร.ไปปรึกษาญาติผู้พี่ที่สนิทกันและเล่าเรื่องราวให้เขาฟังทั้งหมด ซึ่งได้รับคำตอบว่า
ฉันคงโดนหลอกอีกครั้งแล้วครั้งนี้ฉันต้องเป็นหนี้บัตรเครดิตจำนวนมากจนต้องไปกู้เงินจากสหกรณ์ของ
ที่ทำงานมาโปะหนี้ที่ฉันก่อขึ้นเ พ ร า ะความไว้เนื้อเชื่อใจคนง่าย ๆ แม้จะถูกหลอกมาถึงสามครั้ง
และเป็นหนี้อีกเกือบแสน แต่ฉันกลับไม่ได้รับบทเรียนเตือนใจเลย
อยู่มาวันหนึ่งชายชาวไอร์แลนด์ที่เคยคุยกันทางเฟซบุ๊กเมื่อหลายเดือนก่อนกลับเข้ามาคุยกับฉันอีกครั้ง
เขาบอกว่าทำงานในตลาดหุ้น คุยไปได้สัก 2 - 3 เดือน เขาก็เล่าให้ฟังว่าตอนนี้กำลังแข่งขันลงทุน
ทำธุรกิจบางอย่ าง ซึ่งจะได้เงิน 5 ล้านดอลลาร์ และจะนำเงินที่ได้มาลงทุนในประเทศไทยตลอด
เวลาที่คุยกัน เขาเล่าเรื่องงานให้ฟังอยู่เรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็บอกว่าเขาได้เงินมาแล้ว แต่อย ากฝาก
เอกสารสำคัญที่ต้องเดินเรื่องในประเทศไทยไว้กับฉันก่อนเ พ ร า ะเขาจะมาลงเครื่องที่ไทยสองวัน
แล้วต้องเดินทางไปทำธุรกิจที่ประเทศอื่นต่อ
จากนั้นเขาก็ส่งรูปถ่ายพาสปอร์ตและเอกสารสำคัญทั้งหมดมาให้ฉันดูทางอีเมลเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
พร้อมกับส่งรูปผู้ชายคนหนึ่งซึ่งทำหน้าที่นำเอกสารทั้งหมดมาให้ฉันสองวันต่อมาก็มีผู้หญิงคนหนึ่งโทร.
มาหาฉัน บอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากร เธอบอกว่าอยู่กับชายคนที่นำเอกสารมาให้ฉันแล้ว แต่การรับ
เอกสารนี้ต้องเสียค่าภาษีนำเข้าเป็นเงิน 12,000 บาท พร้อมกับยื่นสายให้ฉันคุยกับชายคนนั้น
ทุกอย่ างดูน่าเชื่อถือมาก ฉันจึงรีบโอนเงินไปให้ตามหมายเลขบัญชีที่บอกมาว่าเป็นเอเย่นต์ในการจัดการ
ค่าภาษี ต่อมาก็มีโทรศัพท์โทร.มาอีกสามสี่ครั้งว่าขอเรียกเก็บค่าประกันเอกสารการลงทุน ค่าประกันชีวิต
สำหรับผู้ลงทุนในประเทศไทย แต่ละครั้งเป็นจำนวนเงินหลายหมื่นบาทเงินเก็บของฉันมีไม่พอแล้วจึงไป
ยืมเงินสหกรณ์ของที่ทำงานมาอีกจนเต็มวงเงินที่กู้ยืมได้ มิหนำซ้ำยังต้องกู้เงินด่วนจากธนาคารมาอีก
จำนวนหนึ่งรวมแล้วเป็นเงินเกือบสองแสนบาท
ถึงเหตุการณ์เหมือนจะซ้ำรอยเดิม แต่คราวนี้ฉันกลับมั่นใจว่าตัวเองไม่โดนหลอกแน่นอน เ พ ร า ะทุกครั้ง
ฉันจะได้รับเอกสารสำคัญที่น่าเชื่อถือกลับมาด้วย จนกระทั่งได้รับโทรศัพท์บอกว่า “สวัสดีค่ะ ดิฉันโทร.
จากศาลตุลาการนะคะ ตอนนี้ทางเราได้รับเอกสารการลงทุนของเพื่อนของคุณเรียบร้อยแล้ว แต่มีค่า
ธรรมเนียมศาลที่คุณต้องจ่าย 8,000 ดอลลาร์สหรัฐค่ะ”
ฉันคำนวณในใจ นี่เป็นเงินสองแสนกว่าบาทเชียวนะ และเกิดเฉลียวใจขึ้นมาว่าการลงทุนทำธุรกิจใน
ประเทศไทยเกี่ยวข้องอะไรกับศาลตุลาการ พอถามกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบเฉไฉไปอีกเรื่องหนึ่ง
ครั้งนี้ฉันไม่เชื่ออีกแล้ว ฉันวางสายนั้นทันที และโทร.หาญาติผู้พี่ที่เคยปรึกษาเมื่อครั้งที่แล้ว
“นี่เราโดนหลอกอีกแล้ว เก็บหลักฐานไว้ให้หมด
แล้วรีบไปแจ้งตำรวจเลย พวกนี้มันทำเป็นขบวนการแน่ ๆ”
ฉันเจ็บใจมาก ที่สุดท้ายก็โดนหลอกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันไม่ยอมให้ประสบการณ์ความรู้ไม่เท่าทันของตัวเอง
เสียเปล่า ฉันเข้าไปแจ้งความและรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อให้ตำรวจติดตามดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ฉันอย ากให้เรื่องไม่ดี ในชีวิตเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่น ๆ
อย่ าได้ต้องมาเจ็บป่วย เจ็บใจ และเสียเงินเสียทองแบบฉันอีกเลย