12 วิธีฝึกหา ความสุข ด้วยตนเอง เรียบง่าย ไม่หรูหรา แต่ได้ผลจริง
1 : ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ
หมายความว่า อย่ าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ เ พ ร า ะความสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า
ความสมบูรณ์แบบมีจริง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามหัดเว้นที่ว่างไว้ให้ความผิดพลาดบ้าง ทุกอย่ างไม่จำเป็นต้องไร้ที่ติ
การผิดบ้างถูกบ้างเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตเพียงแต่เราต้องรู้จักปรับปรุงตนเองไม่ให้ผิดพลาดบ่อยๆ ซ้ำๆ ซากๆ
2 : ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้
หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่ าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดาอย่ าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา
อย่ าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมากอย่ าปล่อยให้จิตใจวนไปวนมากับความรู้สึกของตัวเอง เหมือนจมอยู่ในอ่าง
ลองเปิดตามองไปรอบๆ แล้วมองให้เห็นว่า คนบนโลกนี้มีมากมายแค่ไหนตัวเราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของโลก
ดังนั้นก็อย่ าไปให้ความสำคัญกับมันมากนัก ทุกข์บ้าง ผิดบ้าง เรื่องธรรมดา
3 : ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดีๆ
หมายความว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่ าไปพูดมาก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิดแต่ถ้ามันไม่ดี เป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เ พ ร า ะการพูด
หรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้นมีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำ และขุ่นมัว คนที่พูดจาไม่ดีแม้ว่าคำพูดจะดูฉลาดหลักแหลม
เพียงไรมันก็คือความโง่ชนิดหนึ่งคนที่พูดแต่เรื่องไม่ดีของคนอื่นนับเป็นคนหาความสุขได้ย ากนัก
4 : ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ
หมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไปเวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป
เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้นก็ให้รู้ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่กับเราจนวันจากโลกนี้ไป ดังนั้นอย่ าไปเสียเวลา
คิดมาก อย่ าไปย้ำคิดย้ำทำ อย่ าไปหลงยึดไว้เกินความจำเป็นให้รู้จักธรรมชาติของมัน การยึดติดกับวัตถุ บุคคล หรือ
ความรู้สึกจนเกินเหตุคือปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ทำให้คนเราเกิดความทุกข์ ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราต้องรู้
และต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นคนปล่อยวางอะไรง่ายๆ เข้าไว้
5 : ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการนินทา
หมายความว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่า เราต้องถูกนินทาแน่นอนดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า “เรามาถูกทางแล้ว” แปลว่า
เรายังมีตัวตนอยู่บนโลกคนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกา กับคำนินทาก็คือคนไม่รู้เท่าทันโลกแม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังนินทาลูก
คนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นินทาคนอื่นได้เมื่อไหร่ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่
ถูกนินทา ขอให้รู้ว่า คำนินทาคือของคู่กับมนุษย์โลกมีมาช้านานแล้ว แม้แต่คนที่สร้างคุณงามความดีไว้กับโลกมากมาย
ยังถูกนินทาแล้วเราเป็นใครจะไม่ถูกนินทา ดังนั้น อย่ าไปใส่ใจให้มากถ้าอะไรที่ดีเก็บไว้ปรับปรุงตัว อะไรที่ไม่ดีทิ้งมันไว้ไม่
ต้องไปตีคราคาสร้างค่าให้คำพูดไร้สาระ ส่วนตัวเราเองก็สมควรอย่ างยิ่งที่จะต้องฝึกตนเองให้เป็นผู้ไม่นินทาคนอื่นเช่นกัน
6 : ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงิน
หมายความว่า เราต้องหัดพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ รถยนต์ใช้อะไรอยู่ก็หัดพอใจกับมัน นาฬิกาใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน
เสื้อผ้าใช้อะไรอยู่ก็หัดพอใจกับมัน การที่คนเราจะเลิกเป็นขี้ข้าเงินได้ต้องเริ่มจากการรู้จักเพียงพอก่อน เมื่อรู้จักพอแล้ว
ก็ไม่ต้องหาเงินมากเมื่อไม่ต้องหาเงินมาก ชีวิตก็มีโอกาสทำอะไรที่มากกว่าการหาเงินการยุติความเป็นขี้ข้าของอำนาจ
เงินนี้ พูดง่ายแต่ทำย าก แต่ก็ต้องทำเ พ ร า ะถ้าไม่ทำ ชีวิตทั้งชีวิตของเรา ก็จะเป็นชีวิตที่เกิดมาแล้วจากโลก ไปเปล่าๆ
ด้วยเหตุที่ว่า ใช้เวลาหมดไปกับการสะสมเงินทองที่เอาไปไม่ได้แม้แต่บาทเดียว
7 : ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบ
หมายความว่า การที่คนๆ หนึ่งยอมเสียเปรียบผู้อื่นบ้าง เป็นเรื่องจำเป็นใครก็ตามที่บ้าความถูกต้อง บ้าเหตุบ้าผล ไม่ยอม
เสียเปรียบอะไรเลยไม่ช้า คนๆ นั้นก็จะเป็นบ้าสติแตก กลายเป็นคนที่ถูกทุกอย่ างแต่ไม่มีความสุขเ พ ร า ะต้องสู้รบกับ
คนรอบข้างเต็มไปหมดเพื่อความถูกต้องที่ตนเองยึดมั่นถือมั่นซึ่งส่วนใหญ่มันก็เป็นเพียงความถูกต้องที่กิเลสของตัวเอง
ลากไปไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกต้องตรงธรรมอย่ างแท้จริง ดังนั้น การยอมเสียเปรียบการให้ผู้อื่นด้วยความเบิกบานจึงเป็นสิ่ง
จำเป็นมากกว่าที่เราคิดกัน มีแรงให้เอาแรงช่วยมีเงินให้เอาเงินช่วย มีความรู้ก็เอาความรู้เข้าไปช่วย ในหนึ่งวัน เราควร
ถามตัวเองว่าวันนี้เราได้ช่วยใครไปแล้วหรือยัง เราได้เสียเปรียบใครหรือยังถ้าคำตอบคือ “ยัง” ให้รู้เอาไว้เลยว่า
เราเป็นอีกคนที่มีแนวโน้มจะหาความสุขได้ย ากเต็มที
8 : ฝึกตัวเองให้เป็นแสงสว่างในที่มืด
หมายความว่า ตรงไหนที่มันมืด เราควรไปเป็นดวงไฟส่องทางให้เขาตรงไหนที่ไม่มีคนช่วย เราควรไปทำ เช่น ลองหา
เวลาไปรับประทานอาหารร้านที่ไม่มีลูกค้าเข้า อย่ ามุ่งแต่เรื่องกินให้การกินของเรามันเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง ร้านเขา
ไม่มีลูกค้าแล้วเราเข้าไปนั่ง มันไม่ใช่แค่เงิน แต่มันหมายถึงกำลังใจอย่ าคิดถึงการบริการที่ดีที่สุด อย่ าคิดถึงรสชาติของ
อาหารให้มากนักให้คิดว่า เรากำลังเป็นผู้ให้ เดินเข้าร้านหนังสือ หนังสือเล่มไหนเก่าที่สุด เราอ่านเนื้อหาแล้วสนใจ
หยิบมันขึ้นมาแล้วจ่ายเงินนำมันกลับบ้าน เหลือหนังสือเล่มสวยๆ ไว้ให้คนอื่นๆ ได้ซื้อได้อ่านอย่ าไปบ้ากับการเก็บสิ่งที่ดี
ที่สุด อย่ าไปบ้ากับการปรนเปรอสิ่งที่ดีที่สุดให้ตนเองแต่ให้เน้นจิตใจที่ดีที่สุด ใช้วัตถุ ใช้เงินเป็นเครื่องมือในการซื้อจิตใจดีๆ
สูงๆ สะอาดๆ ของเรากลับคืนมา วัตถุเป็นเรื่องไม่จีรัง แต่จิตใจดีๆ นั้นเป็นทั้งหมดของชีวิต เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องรู้จักรักษา
ดูแลเอาไว้ไม่ให้เกิดความเสียหาย
9 : ฝึกให้ตัวเองไม่ไหลไปตามอำนาจวัตถุนิยม
หมายความว่า ต้องรู้จักยับยั้งช่างใจ และมีปัญญาในการมองเห็นว่าอะไรคือสิ่งจำเป็น อะไรคือสิ่งที่เราถูกโฆษณาหลอก
เรากำลังเป็นตัวของตัวเอง หรือเรากำลังบ้ากระแสสังคมอย่ างไม่ลืมหูลืมตาลดความจำเป็นเรื่องแฟชั่น ลดความจำเป็นเรื่อง
โทรศัพท์ลดความจำเป็นเรื่องสิ่งของเครื่องใช้ ก่อนจะซื้อ ก่อนจะอย ากได้ให้ลองถามตัวเองว่า เราอย ากได้เ พ ร า ะอะไร
เ พ ร า ะมันจำเป็น เ พ ร า ะอย ากเท่อย ากดูดีในสายตาของอื่น หรือเ พ ร า ะอะไรกันแน่ๆ ตอบตัวเองให้ได้ชัดๆในเรื่อง
ของความจำเป็นนี้ พูดได้เลยว่าของในชีวิตส่วนใหญ่ที่เราครอบครองกันอยู่มีไว้โชว์ มากกว่ามีไว้ใช้
10 : ฝึกให้ตัวเองยอมรับความจริงง่ายๆ
หมายความว่า อะไรที่ทำผิด อย่ าดันทุรัง ให้พูดคำว่า ขอโทษครับ ขอโทษค่ะขอบคุณครับ ขอบคุณค่ะ ฝึกพูดคำเหล่านี้
ให้เป็นเรื่องปกติความผิดไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่การผิดแล้วไม่ยอมรับผิดนั้นเป็นเรื่องเสียหายและส่งผลเสียกับชีวิตเป็น
วงกว้าง เ พ ร า ะการปรับปรุงตัวนั้นมีจุดเริ่มต้นจากการที่คนๆ หนึ่งรู้ตัวว่าทำไม่ดีดังนั้นคนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำไม่ดีแล้ว
ดันทุรังก็คือคนที่ไม่มีโอกาสปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น ขอให้รู้ว่าเมื่อเราทำผิด ต่อให้ปากแข็งแค่ไหน ดันทุรังแค่ไหน
ผิดมันก็คือผิด หลอกตัวเองได้แต่หลอกคนอื่นไม่ได้ เหมือนเราบอกว่า ไม่เหม็นแต่กลิ่นเหม็นนั้น ถ้ามันมีจริงมันก็โชย
ออกมาอยู่วันยังค่ำ
11 : ฝึกให้ตัวเองรู้จักเลือกคนต้นแบบที่ถูกต้องตรงธรรม
หมายความว่า เมื่อคิดจะเลือกใครสักคนมาเป็นแบบอย่ างในการดำเนินชีวิตอย่ าไปมุ่งเน้นแต่ความสำเร็จด้านเงินทอง
เพียงอย่ างเดียวแต่เราควรให้ความสำคัญกับคุณค่าในด้านอื่นๆ ด้วยเช่น ความดี คุณธรรม ความเสียสละเราควรเคารพ
และชื่นชมใครซักคนที่ความดีของเขาไม่ใช่รายได้ของเขาทุกวันนี้ คำว่าความสำเร็จถูกใช้ไปกับเรื่องของเงินๆ ทองๆ
มากเกินไป ใครหาเงินได้มากแปลว่า คนๆ นั้นประสบความสำเร็จมาก ตรงนี้เป็นการให้คุณค่าที่ผิดพลาดการคิดเช่นนี้
ย่อมเป็นการปลูกฝั่งค่านิยมในระดับ จิ ต วิ ญ ญ า ณที่ทำให้เราให้ตกเป็นทาสของเงิน เมื่อเราเป็นทาสของเงินเสียแล้ว
เราก็จะเป็นคนที่ฝากความสุขของเราไว้กับเงินด้วยเราเลือกต้นแบบอย่ างไร ชีวิตของเราก็จะมุ่งหน้าไปทางนั้น
สังคมจะดีขึ้นได้ก็เริ่มจากทัศนคติของเราตรงนี้นั่นเอง
12 : ฝึกให้ตนเองเป็นคนไม่ทะเลาะกับคนใกล้ชิด
หมายความว่า เราต้องไม่เป็นคนหน้าชื่นอกตรมคือยิ้มไปทั่วกับคนนอกบ้าน แต่กลับมาทะเลาะกับคนที่บ้านขอให้ใช้คน
ที่บ้านเป็นเครื่องมือฝึกจิตใจของตนเอง อะไรที่ยอมได้ก็ขอให้ยอมเสียเปรียบคนในครอบครัวให้มากที่สุด ดีกับเขาให้
เหมือนเขาเป็นคนเดียวกับเราอย่ าเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องนอกบ้าน แต่กลับมาเก่งในบ้าน เ พ ร า ะมันจะสร้างแต่ความทุกข์
ให้ชีวิตครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคนเรา ถ้าหาความสุขจากครอบครัวไม่ได้ความสุขที่อื่นก็ไม่ต้องพูดถึง ต่อให้หลอก
คนทั้งโลกได้ว่าชีวิตประสบความสำเร็จแต่ภาพที่สร้างขึ้นมา ก็เป็นแค่ภาพลวงตาที่จะย้อนกลับมาสร้างความละอายใจ
ให้ตัวเองอยู่วันยังค่ำยอมพ่อแม่ ยอมลูกเมีย ยอมสามี ยอมคุณตาคุณย ายคุณปู่คุณย่ า สิ่งดีๆที่ทำแล้วชื่นใจก็ขอให้
ทำให้บ่อย คำพูดดีๆ ที่พูดได้ก็ขอให้พูดครอบครัวคือรากของมนุษย์ ถ้ารากของชีวิต เ น่ า ส่วนที่เหลือก็ เ น่ า ทั้งหมด
ขอให้ทุกคนสนุกกับการหาความสุขให้ตนเองในแบบง่ายๆยิ้มทุกวัน มองฟ้าให้เป็นฟ้ามีปัญญาสามารถเปลี่ยนโลกแห่งนี้
ให้เป็นสวนดอกไม้แห่งชีวิตได้สำเร็จกันทุกคน…