
ในสังคมที่มีโอกาสให้เราทำอะไรหลายอย่ าง การเลือกที่จะไม่ทำหรือไม่ไขว่คว้าอะไรที่คนอื่นขวนขวายอย ากได้กันกลับกลาย
เป็นสิ่งแปลกตั้งแต่เด็กผมเป็นคนที่ไม่ค่อยได้เที่ยวเท่าไร พ่อแม่ทำงานตลอดต่อให้มีช่วยวันหยุดย าวธุรกิจที่บ้านของเราก็ไม่ได้
หยุดย าวเท่าคนอื่นเค้า อยู่บ้านได้ไม่กี่วันก็ต้องเตรียมทำงานใหม่แล้ว แต่พอเห็นเพื่อนของผมไปเที่ยวช่วงตอนปิดเทอมพวกนี้
ผมก็ไม่ได้รู้สึกอิจฉาอะไรนะ ผมแค่รู้สึกว่าไม่เข้าใจก็เท่าน้้นพอโตขึ้นหน่อยมีเวลาและเงินเก็บมากขึ้น ผมก็เริ่มแบ่งเวลาให้ตัวเอง
ไปเที่ยวมากขึ้น ไปดูสถานที่ใหม่ๆ วัฒนธรรมใหม่ๆ คนใหม่ๆ แต่สุดท้ายผมก็รู้สึกว่างเปล่า ถ้าถามว่าสนุกไหมผมก็คิดว่ามันแปลก
ตาดี แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นถึงต้องขวนขวายขนาดนั้นแต่มันเ พ ร า ะอะไรกัน
แปลกไหมที่ไม่ชอบเที่ยว?
ความแปลกก็คือการที่เราคิดไม่เหมือนคนอื่น หากถามว่าแปลกไหมที่คนส่วนมากชอบเที่ยวแล้วเราไม่ชอบเที่ยว ด้วยนิย ามของ
คำว่าแปลกแล้วก็คงจะแปลก แต่หากเรามองว่าทุกคนมีความชอบไม่เหมือนกัน มีวิธีเรียนรู้หรือผ่อนคลายไม่เหมือนกัน การที่เรา
จะเลือกทำอะไรไม่เหมือนคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรเลยในทางตรงกันข้ามการพย าย ามทำอะไรที่เราไม่ชอบเพียงเพ ร า ะ
คนอื่นเห็นว่าดีกลับเป็นสิ่งที่แปลกมากกว่าผมเข้าใจว่าการเดินทางทำให้โลกเปิดกว้างมากขึ้น เป็นการที่เราพย าย ามผลักดัน
ตัวเองเข้าสังคมใหม่ๆเพื่อให้เราเรียนรู้และพัฒนามากขึ้น แต่มันก็ไม่ใช่ว่ามันเป็นวิธีเดียวที่เราจะพัฒนาตัวเองได้และการบอกว่า
คนที่ไม่เที่ยวเป็นคนไม่พัฒนาตัวเองหรือไม่ใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ก็ไม่ถูกต้องเลยหากเราเปิดเฟสบุ๊คหรืออินสตาแกรมช่วย
วันหยุดย าวเราก็จะเห็นว่าทุกคนไปเที่ยวกันหมด ทุกคนทำเหมือนกับว่าการเดินทางคือสิ่งที่ทุกคนอย ากทำ คือกิจกรรมเดียวที่
เราควรทำเวลามีเวลาว่างเกินสองวัน คือการใช้เวลาที่ทำให้เรามีความสุขที่สุด และเป็นวิธีเดียวที่จะรู้จักโลกภายนอกมากขึ้น
แต่มันจริงแค่ไหนกัน
การเดินทางแค่เ พ ร า ะอย ากเที่ยว ไม่ได้ทำให้โลกคุณกว้างขึ้น
เราสามารถทำให้การไปเที่ยวสุดยอดได้ บางทีชีวิตเราก็เปลี่ยนไปเลยทีเดียว เปิดโลกใหม่ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เราก็ต้อง
เข้าใจว่าปกติเวลาไปเที่ยวแล้วไม่ใช่ทุกคนที่จะ ‘เปลี่ยนชีวิต’ ตัวเองได้ขนาดนั้น ส่วนมากไปเที่ยวแล้วก็กลับมาทำงานวันจันทร์
ที่บริษัทเดิม ตำแหน่งเดิม ทำงานเหมือนเดิมยิ่งสมัยนี้ที่คนเน้นการไปเที่ยวเ พ ร า ะอย ากเที่ยวด้วยแล้ว คนส่วนมากบินไปสอง
สามประเทศ ซื้อโปสการ์ด ซื้อพวงกุญแจ ถ่ายรูปลงโซเชียลเสร็จก็ต้องรีบขึ้นรถทัวร์รีบขึ้นเครื่องเปลี่ยนเมืองแล้ว เราได้เรียนรู้
อะไรเกี่ยวกับเมืองพวกนี้มากแค่ไหนกันนะมีกี่ครั้งที่คุณจะค้นพบอะไรใหม่เกี่ยวกับตัวเอง หรือรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งก่อสร้างหรือทิว
ทัศน์ที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน จะมีกี่ครั้งที่คุณกลับมาพร้อมเรื่องสนุกๆเกี่ยวกับวัฒนธรรมใหม่ๆที่คุณไม่รู้มาก่อนจากที่ผมสังเกตุ
มา ‘คนที่ค้นพบตัวเอง’ เวลาไปเที่ยวส่วนมากจะเป็นคนที่ชอบสะท้อนคิดเรื่องตัวเอง (self-reflection) อยู่แล้ว คนพวกนี้อยู่เฉยๆ
ไปเดินจตุจักรก็ค้นพบอะไรใหม่เกี่ยวกับตัวเองได้ ส่วนพวกที่ไม่เคยคิดอะไรแนวนี้ ต่อให้ไปเที่ยวจริงๆก็ไม่ค่อยได้ค้นพบอะไร
ใหม่เท่าไรคุณเคยถามตัวเองไหมว่าทำไมประเทศนี้ถึงมีสะพานลอย และ ทำไมประเทศนี้ใช้ทางม้าลายทำไมศิลปะของประเทศ
นี้ถึงมีหน้าตาแบบนี้ วัฒนธรรมแบบนี้มาจากแรงจูงใจของเหตุการใดในประเทศกันนะผมไม่ได้บอกว่าการหาร้านชานมไข่มุกที่
ไต้หวันเป็นอะไรที่ผิดหรือไม่ควรทำนะครับ แต่ผมแค่หวังว่าการเที่ยวมันจะให้อะไรได้มากกว่านั้น
เที่ยวเ พ ร า ะอย ากพักผ่อน หรือ อย ากหนีปัญหา
หลายคนใช้คำว่า ‘หนีเที่ยว’ หรือ ‘หนีงาน’ จนติดปาก แต่บางทีมันอาจจะมีปัญหามากกว่าที่เราล้อเล่นกันก็ได้คนส่วนมากเวลา
เครียดทำยังไง? ไปเที่ยวทะล หรือถ้ามีเงินเยอะหน่อยก็ไปชอปปิ้งที่อังกฤษก็ได้เหมือนที่คนบอกว่ากระเพราไข่ดาวเป็นอาหาร
สิ้นคิด การเดินทางก็เป็นตัวเลือกอัตโนมัติเวลาทุกคนอย ากหนีปัญหาหรือรู้สึกเบื่อหน่าย ชีวิตปกติของเราคือการตื่นนอน ไป
ทำงาน กินข้าว ทำงานต่อ กลับบ้าน อาบน้ำ นอน แล้วก็ตื่นมาทำงานอีกครั้ง ผมก็เข้าใจว่าหลายคนคงไม่มีความสุขหรือรู้สึก
อึดอัดการไปเที่ยวกับเหมือนคำตอบในฝันของเราเลย การได้ทำอะไรใหม่ๆ ได้เจออะไรน่าตื่นเต้น โลกปัจจุบันของเรามันก็อยู่
ได้นะ แต่โลกในฝันมันดีกว่าเยอะเลยหากคุณอย ากไปเที่ยวเ พ ร า ะอย ากหรีปัญหาชั่วคราว อย ากเติมพลังเพื่อกลับไปสู้ใหม่
ผมก็คิดว่าเป็นคำตอบที่ดีแต่คุณต้องเข้าใจว่าถ้าคุณคิดอย่ างนี้ ปัญหาอยู่ที่ ‘ปัจจุบัน’ และการไปเที่ยวเป็นแค่การ ‘ลดความ
เสียหาย’ ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาเลย โสคราตีส (Socrates) นักปรัชญาเมื่อหลายพันปีที่แล้วเคยบอกไว้ว่า ‘ทำไมถึงต้องแปลก
ใจว่าการเดินทางไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น? คุณเดินทางกับตัวเองและสิ่งที่ทำให้คุณหนีจากบ้านตั้งแต่แรกก็คือใจของคุณเอง’
แต่ก็อย่ างว่านะครับ นักปรัชญาส่วนมากคิดขวางโลกมากไปหน่อย เรามาลองดูมุมมองอื่นที่เข้าถึงได้ง่ายกว่ากัน
ไม่ได้เกลียดการเที่ยว แต่แค่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่า
คนส่วนมากชอบอยู่บ้านนะครับ แต่แค่คนกลุ่มนี้อาจจะไม่ได้ชอบการโพสเรื่องตัวเองบนโลกโซเชียลหลายคนชอบที่จะอยู่บ้าน
อ่านหนังสือ คุยกับครอบครัวในช่วงวันหยุดมากกว่า และมันก็ไม่ได้ผิดอะไร ต่อให้คุณอย ากไปเที่ยวต่างประเทศหรืออยู่บ้าน
สามสี่วัน ตราบใดที่คุณยังรับผิดชอบหน้าที่ต่างๆในขีวิตอยู่ มันก็เป็นแค่เรื่องของความชอบแล้วแน่นอนว่าถ้าพูดถึงเรื่องความ
ชอบ คนส่วนมากที่ไม่เที่ยวจะบอกว่า ‘ชอบอยู่บ้านมากกว่า’ แต่มันหมายความว่ายังไงกันเพื่อนของผมที่ชอบอยู่บ้านคิดว่าการ
เที่ยวเป็นอะไรที่ยุ่งย ากครับ หากเรามองในแง่นี้ก็อาจจะแปลได้ว่า ‘ความสุขจากการไปเที่ยว’ ถ้าเทียบกับ ‘เงินที่เสียไปและ
ความยุ่งย ากของการเดินทางแล้ว’ ไม่ค่อยคุ้มกันเท่าไร ยกตัวอย่ างเช่นต้องนั่งรถหรือนั่งเครื่องบินหลายชั่วโมง ยิ่งถ้าเราดู
ปัจจัยการเสียโอกาสของการทำสิ่งที่เราชอบอยู่ที่บ้านแล้วก็คงยิ่งไม่อย ากไป
เราสามารถเรียนรู้จากสิ่งที่เรามีอยู่…มากกว่าที่เราคิด
ความน่าชื่นชมของการไปเที่ยวทำให้การใช้ชีวิตแบบอื่นดูแย่ไปได้อย่ างไรกันนะ การบอกว่าเราชอบอยู่บ้านหรือการออกไป
กินข้าวกับเพื่อนในวันหยุดกลายเป็นว่าเราเสียโอกาสที่สำคัญไป การอยู่บ้ารแแปลว่าเราอยู่ใน comfort zone และไม่ลองอะไร
ใหม่ๆมุมมองนี้ก็น่าคิดแต่ไม่ได้จริงเสมอไป คนที่คุณใช้เวลาด้วยตลอด คนที่เห็นคุณเติบโตมาหลายปี ไม่ใช่เป็นแค่คนที่คุณไว้
ใจได้มากที่สุดแต่เป็นคนที่เข้าใจคุณมากที่สุดด้วย คนพวกนี้จะไม่ปล่อยให้คุณทำอะไรงี่เง่าและจะพย าย ามให้คุณเป็นคนที่ดี
ขึ้นเสมอมิตรภาพเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา และเวลาพวกนี้ก็มาจากการทำอะไรซ้ำไปซ้ำมาด้วยกันเนี่ยเหล่ะผมคิดว่าความสัมพันธ์
พวกนี้มันสำคัญ บางคนอาจจะมองว่ามันสำคัญกว่าสิ่งอื่นในชีวิตด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์ที่ดีพวกนี้คือสิ่งที่จะเคียงข้างคุณเวลาที่
คุณรู้สึกแย่หรือวันที่ชีวิตคุณลำบากหรือคุณอาจจะอย ากอยู่บ้านอ่านหนังสือ เล่นอินเตอร์เนตคนเดียว จะเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง
พักผ่อน หรือพัฒนาทักษะอะไรก็เป็นสิทธิของคุณอยู่ดี
ถ้าชอบเที่ยวก็ไปเที่ยวเถอะ แต่อย่ าบังคับหรือตัดสินคนอื่น
สุดท้ายนี้ผมคิดว่าทุกคนก็คงมีความชอบไม่เหมือนกัน แล้วก็คงอยู่ในสถานการณ์ไม่เหมือนกันด้วย บางคนอาจจะมีเวลา มีเงิน
หรือชอบเที่ยวก็เลยเลือกที่จะไปเที่ยว บางคน อาจจะไม่ชอบเที่ยวเลยก็เลยอยู่บ้าน บางคนอาจจะอย ากประหยัดเงินหน่อยก็
เลยอยู่บ้าน หรือบางคนเที่ยวก็แค่เ พ ร า ะว่าตัวถูกหรืออย ากเก็บแต้มสะสมบัตรเครดิตเพิ่มก็แค่นั้นบางคนอาจจะคิดว่า เที่ยวผิด
วิธี ไปผิดที่ หรือ เที่ยวไม่เป็นหรือเปล่า ก็เลยไม่รู้สึกสนุก ซึ่งคำตอบก็คงเหมือนเดิมครับก็คือแต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน
ยกตัวอย่ างเช่นคนที่ชอบเที่ยวบางคนก็ชอบไปปีนเขา บางคนก็ชอบเที่ยวทะเล หรือบางคนก็ชอบเดินในเมืองช้อปปิ้งกินข้าวต่าง
ประเทศ หากผู้โดยรวมคนพวกนี้ก็ชอบไปเที่ยวเหมือนกัน แต่ถ้าเราดูรายบุคคลแล้วความชอบและวิธีใช้ชีวิตของแต่ละคนนั้นแตก
ต่างกันมากหากเราให้คนที่ชอบเที่ยวในเมืองไปปีนเขาเดินป่า คนพวกนี้ก็อาจจะไม่มีความสุขก็ได้ หรือหากเราเอาคนที่ชอบปีน
เขาเดินป่า ไปเที่ยวเมืองใหญ่ในต่างประเทศ เขาก็คงอาจจะบอกว่าประเทศไทยก็มีทำไมต้องไปที่อื่นด้วย
ทุกคนมีความชอบไม่เหมือนกัน แต่ไม่มีใครผิดซักหน่อย
ผมคิดว่าผมก็เดินทางมาหลายประเทศแล้ว แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆ ผม “เรียนรู้” จากการอ่านหนังสือและการหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต
มากกว่าซะอีก ผมเข้าใจว่าข้อดีของการไปเที่ยวในการออกเดินทางมันช่วยเติมเต็มจิตใจมากพอกับการสอนให้เราเรียนรู้หรือเปิด
ใจให้กว้าง ถ้าถามว่าตัวเลือกอื่นดีกว่าไหมหรือมีประโยชน์กว่าหรือเปล่า มันก็คงเป็นคำถามที่ย ากที่จะตอบสำหรับหลายคนชีวิต
เรายังมีอีกหลายครับ บางคนมีครอบครัวแล้วก็เลยยังเที่ยวมากไม่ได้ บางคนลูกโตแล้วดูแลตัวเองได้ก็เลยมีเวลาเที่ยวมากขึ้นผม
คิดว่าโอกาสในการไปเที่ยวและโอกาสที่จะหาอะไรมาท้าทายตัวเรามีอยู่เสมอ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะกล้าไปปีนเขาเอเวอร์
เรสเหลืออะไรแบบนี้หรือเปล่า แต่ผมก็ชอบที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆอยู่เสมอที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้ไม่ได้แปลว่าผมเกลียดการไป
เที่ยวหรือการเดินทาง ถ้าหากมีโอกาสมากพอผมก็อย ากจะบินไปสถานที่ใหม่ๆ อาจจะเป็นอินเดีย แอฟริกา หรืออเมริกาใต้ก็ได้
แต่ผมก็คงไม่ไปเที่ยวไหนเดี๋ยว และในระหว่างนั้นผมก็คงอ่านหนังสืออยู่บ้านครับ