ปรับชีวิต เพื่อฟิตกับเงินในกระเป๋า หรือ ปรับกระเป๋า ให้พอดีกับไลฟ์สไตล์
ไลฟ์สไตล์ของคนวัยทำงานในย่ านใจกลางเมืองที่เราเห็นจนคุ้นตา และทำจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน เช่น
การดื่มกาแฟ นัดเพื่อนช้อปปิ้ง มีปาร์ตี้หลังเลิกงาน เข้าฟิตเนสเพื่อออกกำลังกายให้สุขภาพแข็งแรง ฯลฯ หลาย
คนทำสิ่งเหล่านี้จนกลายเป็นเรื่องปกติ ในขณะที่บางคนยึดเป็นมาตรฐาน ที่มนุษย์เงินเดือนควรมี จนคิดว่าถ้า
คนอื่นไม่ทำตามก็อาจจะถูกมองว่าแปลกแยก
ถ้าเรามีกิจวัตรแบบนี้ คิดว่าเราใช้จ่ายด้วยความเคยชินกันประมาณเท่าไหร่ ลองคำนวณกันดูง่าย ๆ เช่น รายจ่าย
ค่ากาแฟ ถ้าในวันทำงานเราดื่มกาแฟเฉลี่ยวันละ 1 แก้ว แล้วดื่มกาแฟแก้วละ 50 บาท ระยะเวลาทำงาน 1 เดือน
(คิดเป็นเลขกลม ๆ 20 วันทำการ) จะเป็นเงินที่จ่ายกับค่ากาแฟ 50 x 20 = 1,000 บาทต่อเดือน คิดเป็น 5%
ของรายได้ ([1,000/20,000] x 100) ในกรณีที่เราเงินเดือน 20,000 บาท แต่ถ้าเงินเดือนเท่ากันแล้วดื่มกาแฟ
ราคาแพงขึ้นเป็นแก้วละ 150 บาท จะเป็นเงินที่ใช้ดื่มกาแฟ 3,000 บาทต่อเดือน คิดเป็น 15% ของรายได้ซึ่งเป็น
สัดส่วนรายจ่ายที่ไม่น้อยเลยทีเดียว
นอกจากค่ากาแฟแล้ว เราก็ยังมีรายจ่ายอื่น ๆ อีก เช่น ค่าช้อปปิ้ง อาจจะสัปดาห์ละ 1,000-2,000 บาท ค่าปาร์ตี้
สัปดาห์ละประมาณ 1,000 บาท ค่าฟิตเนสเดือนละ 2,500 บาท หรือปีละ 30,000 บาท เป็นต้น
เ ร าทำสิ่งเหล่านี้จนเคยชินเ พ ร า ะเห็นคนรอบข้างทำกันจึงมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เสื้อผ้าสำเร็จรูปยังมีหลาย
ขนาดให้เลือกใส่ ถ้าเราตัวเล็กแต่ใส่เสื้อผ้า XXL ก็อาจจะหลวมมาก การบริหารการเงินก็เช่นกันเราจึงควรเลือก
รูปแบบการใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับขนาดเงินในกระเป๋าของเรา เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องประหยัดเกินไปจนอึดอัด
หรือใช้จ่ายมากเกินไปจนกระเป๋าแห้ง ซึ่งบทความนี้จะแนะนำวิธีปรับสมดุลระหว่างไลฟ์สไตล์กับเงินให้สอด
คล้องกัน ฉบับที่ใคร ๆ ก็ทำได้
แนวคิดที่ 1 การปรับไลฟ์สไตล์เข้าหาเงิน
ถ้าเราตัวเล็กก็เลือกเสื้อผ้าไซส์ S หรือถ้าอ้วนมากก็เลือกใส่ไซส์ XXL เพื่อให้พอดีกับรูปร่างตนเองเหมือนกับ
ไลฟ์สไตล์ของเราที่ต้องปรับเปลี่ยน ให้พอดีกับรายได้หรือน้อยกว่ารายได้ เพื่อจะได้มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น
จากตัวอย่ างไลฟ์สไตล์ข้างต้น เราสามารถมีเงินเหลือง่าย ๆ เช่น
ปรับการดื่มกาแฟแก้วละ 150 บาท เป็นกาแฟแก้วละ 50 บาท หรือกาแฟฟรีที่ทำงานแทน เข้มงวดกับการใช้จ่าย
โดยตั้งงบช้อปปิ้งให้แน่นอน ถ้าเดือนนี้ไม่ซื้อ เงินจำนวนนี้จะได้เก็บเป็นเงินออมหรือทบไปใช้เดือนหน้า ลดการ
ปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนให้เหลือซักเดือนละ 1-2 ครั้งแทนที่จะนัดกันทุกสัปดาห์ เลือกดูหนังในวันที่มีโปรโมชั่น
ตั๋วราคาถูกหรือได้รับสิทธิ์ส่วนลดพิเศษจากบัตรเครดิต ประหยัดค่าสมาชิกฟิตเนสเดือนละ 2,500 บาท เป็น
ค่าเดินทางเดือนละไม่กี่ร้อยบาท ไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะแทน
ถ้าขนาดกระเป๋าเงินของเราเริ่มมีขนาดเล็กลง สิ่งหนึ่งที่เราควรนึกถึง คือ การประหยัด เราควรปรับวิธีการใช้จ่าย
เงินให้ลดลงเหมาะสมกับขนาดของเงินในกระเป๋า โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเองใหม่ แม้ว่า
ช่วงแรก ๆ จะอึดอัดบ้างเ พ ร า ะเราอาจจะเคยชินกับความสะดวกสบาย แต่สุดท้ายถ้าเราตั้งใจและอดทน
เราจะได้ผลลัพธ์ที่น่าภูมิใจกลับมาเป็นผู้ที่ใช้เงินเป็น
แนวคิดที่ 2 การปรับเงินเข้าหาไลฟ์สไตล์
ถ้าเรายังติดกับไลฟ์สไตล์แบบเดิม ๆ ต้องการจับจ่ายใช้สอยอู้ฟู่มากขึ้น หรืออย ากมีไลฟ์สไตล์ที่ดีขึ้น เราคงต้อง
ปรับเงินในกระเป๋าให้มากขึ้นตาม หรือสร้างรายได้ให้มากขึ้นนั่นเอง ด้วยหลากหลายวิธีที่สามารถทำได้ เช่น ฝึก
ทักษะพัฒนาตนเอง หรือหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อสร้างโอกาสเสริมรายได้หารายได้พิเศษตามความถนัดขายของ
มือสอง งานอดิเรกหรือของสะสมก็ทำเงินได้ เป็นต้น
ทั้ง “การประหยัดรายจ่าย” ซึ่งเป็นการปรับไลฟ์สไตล์เข้าหาเงิน หรือ “การสร้างรายได้” คือการปรับเงินเข้าหา
ไลฟ์สไตล์ เป็น 2 แนวคิดง่าย ๆ ที่แต่ละคนต้องลองไปปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง และไม่ว่าแต่ละ
คนจะเลือกปรับแบบไหน สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ไปกว่ากันเลยก็คือ การสร้างนิสัยและวินัยในการใช้เงินที่ดี ซึ่งเป็น
วิธีการปรับชีวิตที่ยั่งยืน สมดุลและสามารถสร้างความสุขได้ง่าย ๆ เพื่ออนาคตทางการเงิน ที่มั่นคง