Home ข้อคิด ให้กำลังใจ เงินในกระเป๋าสตางค์มีที่มาและมักจะหาที่ไปจนชักหน้าไม่ค่อยจะถึงหลังทุกที

เงินในกระเป๋าสตางค์มีที่มาและมักจะหาที่ไปจนชักหน้าไม่ค่อยจะถึงหลังทุกที

7 second read
ปิดความเห็น บน เงินในกระเป๋าสตางค์มีที่มาและมักจะหาที่ไปจนชักหน้าไม่ค่อยจะถึงหลังทุกที
0

8 วิธีจัดการความเครียดในกระเป๋าสตางค์  

‘เงิน’ เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนสากล ไม่ว่าจะอยู่ในสกุลไหน ชีวิตประจำวันของทุกคนมีรายจ่าย แต่เงินในกระเป๋าสตางค์มีที่มาและ

มักจะหาที่ไปอยู่บ่อยๆ จนชักหน้าไม่ค่อยจะถึงหลังทุกทีวิธีแก้ปัญหาง่ายนิดเดียวแต่ทำย ากมาก ๆ คือ บริหารเงินให้สมดุล

ปัญหาทั้งหมดเริ่มต้นจากเงินในกระเป๋าสตางค์สวนทางกับพฤติกรรมด้านการเงิน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ ความเครียด

1 : ทำไมเรื่องเงินถึงเป็นปัญหาโลกแตกที่แก้ไขย ากเย็นจนถึงขั้นต้องมีการบำบัด สาเหตุเบื้องต้นของปัญหาทั้งหนี้สินและ

ใช้เงินไม่เป็นเกิดจากอะไร การเงินแบ่งออกเป็นการหาเงิน การเก็บเงิน และการใช้จ่ายเงิน ต้องเรียงลำดับสามอันนี้ซึ่งต่าง

มีความสำคัญซึ่งกันและกัน อันนี้คือการบริหารเงิน เราเลยเรียกว่า ‘สมดุลทางการเงิน’

ทีนี้การที่คนเราจะเกิดปัญหาคือว่า การเงินไม่สมดุล อย่ างเช่นการหาเงินได้มากจนกระทั่งไม่มีเวลาใช้ บางคนเป็นแบบนั้น

มันจะเกิดความเครียดบางอย่ าง แล้วความคิดมันมีพลังงาน ก็ต้องระเบิดออกทางใดทางหนึ่ง ถ้าเขายังไม่กำจัดความ

เครียดทางการเงินของเขา

หรือบางคนใช้จ่ายเงินมากกว่าที่หามา มากกว่าที่เก็บ ก็เริ่มไม่สมดุล เมื่อการใช้จ่ายติดลบก็จะเกิดหนี้สิน สร้างภาระให้คนอื่น

อาจจะเป็นภาระกับธนาคาร ภาระกับเพื่อน ครอบครัว ญาติพี่น้อง เ พ ร า ะฉะนั้นปัญหาของคนเรามาจากตรงนี้ค่ะ ความไม่

สมดุลทางการเงิน

2 : การใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เช่น shopaholic แสดงให้เห็นถึงภาวะติ ด คนเรามีกลไกติ ดการช็อปปิ้งอย่ างไร  ติ ดการใช้จ่ายเป็น

พฤติกรรมหนึ่ง คือพฤติกรรมทำซ้ำ เหมือนเราดื่มกาแฟ ก็เคยชิน แล้วยิ่งเป็นอะไรที่เราชอบเราก็จะจำ เ พ ร า ะฉะนั้นคนที่หา

เงินมาแล้วได้ใช้จ่าย มันเป็นความสุขนะ ไม่ได้บอกว่าผิด ถ้าอยู่ในระดับพอดี

การติ ดการช็อปปิ้ง ในหัวจะครุ่นคิดถึงแต่เรื่องช็อปปิ้ง การใช้เงิน สมมุติชอบท่องเที่ยว พอเปิดอินเทอร์เน็ตก็จะนั่งดูเว็บไซต์

โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว แล้วสมดุลทางการเงินก็จะเริ่มเสีย การทำงานเริ่มไม่ดี เ พ ร า ะเอาเวลาไปนั่งเสิร์ชข้อมูลไปหมก

มุ่นกับมัน ..นิย ามของการหมกมุ่นไม่คงตัว แต่ถ้าคุณเสียเวลาไปอย่ างน้อยสองชั่วโมงต่อวัน ถือว่าเริ่มหมกมุ่นแล้ว

นอกจากนี้การช็อปปิ้งบางครั้งยังเป็นประเด็นทะเลาะกับคนในครอบครัว ต้องแอบหลบ ๆ ซ่อน ๆ หรือโกหกครอบครัวว่าของ

ที่ซื้อมาราคาถูก แล้วเขาก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ค่ะ

3 : หากมองเป็นวิทย าศาสตร์   บางคนเคยบอกว่า พฤติกรรมการใช้จ่ายจนเกินตัวมาก ๆ มีความสัมพันธ์กับความผิดปกติของ

สารเคมีในสมองจริงไหม บางส่วนค่ะ เ พ ร า ะว่าบางรายอย ากรวย สมองมีความเคยชิน สมมุติเราติดกาแฟ พอวันไหนเรา

ไม่ได้กินก็รู้สึกเบื่อหน่าย อารมณ์แบบนั้นเลย มันจะไปกระทบเหมือนกันในส่วนที่เป็นความคิด อารมณ์ พฤติกรรม

สมองก็ ติ ดเหมือนกัน แต่สมองส่วนหนึ่งมันสะท้อนพฤติกรรม สะท้อนอารมณ์ พอเขามีความคิดแบบนี้ขึ้นมาอารมณ์ก็มาแล้ว

มันมาพร้อมกันว่าอย ากได้ ทีนี้มันควบคุมส่วนอารมณ์ไม่ได้ พฤติกรรมที่ออกมาก็คือ ไปซื้อ

แล้วพอหนี้สินที่เอาไม่อยู่ บัตรเครดิตมีห้าใบ ใบที่หนึ่งมาโป๊ะใบที่สอง ใบที่สองมาโป๊ะใบที่สาม พอฟองสบู่แตกก็จะเริ่มเกิด

ความเครียด มีคนมาทวงหนี้ พอมีปัญหาทางการเงิน เชื่อเลยว่าจะต้องมีปัญหาการทำงานหรือปัญหาครอบครัวตามมาเกิด

ภาวะซึมเศร้า สุดท้ายก็พบว่าปัญหามันมาจากการเงิน

4 : ปัญหามนุษย์เงินเดือนที่ชีวิตดีแค่สองสัปดาห์ แล้วช่วงครึ่งเดือนหลังจะรู้สึกว่าอยู่ไม่ได้ เป็นแบบนี้ทุกเดือน คำแนะนำคือ

อะไร อย่ างแรกเลยคือจะให้จดบันทึกก่อน อย่ างที่สอง จดบันทึกรายรับรายจ่ายว่าไปรั่วไหลตรงไหนเดือนหนึ่งเรามีการหา

เงินและการใช้จ่ายเงินยังไง ส่วนนี้เราจะเดา ๆ ได้แล้ว อย ากให้วางแผนทางการเงินเข้าไปด้วย

เ พ ร า ะฉะนั้นเรื่องเงินเดือนมันเกิดจากการวางแผนทางการเงินที่ไม่ดีพอค่ะ ถ้าวางแผนให้ดี ๆ ในหนึ่งปีเราอาจรู้ว่าใช้เท่านี้

ยิ่งถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือน รายได้เขาจะนิ่ง แต่ถ้าฟรีแลนซ์ เขาจะเดาได้ว่า อาจจะเอา 5-10 เดือนมาหาค่าเฉลี่ยเลยว่าต่อปี

เขาได้เท่าไหร่ ก็จะพอเดา ๆ ได้นะคะ

5 : ถ้าหนี้สินล้นพ้นตัวจนทำให้สมดุลต่าง ๆ พัง life balance กับ money balance ไม่เท่ากัน จะทำอย่ างไร  ต้องหาต้นตอ

ของปัญหาและปรับพฤติกรรม บางทีต้นตอเขาอาจจะเป็นเรื่องง่าย ๆ มากเลยก็ได้ เช่นในปัจจุบัน เราอยู่กับสังคมวัตถุนิยม

แล้วทุกอย่ างก็จะทำให้อย ากได้อะไรที่เป็นวัตถุนิยมไปด้วย เช่น ของที่ทันสมัย

เ พ ร า ะ ฉะนั้นพอมาคิดย้อนดู บางคนอาจจะมีต้นตออื่น เช่น หน้าใหญ่ พอมาเห็นแล้วว่าต้นตอคือสิ่งนี้ เขาหน้าใหญ่ไปกับ

การสังสรรค์กับเพื่อน การช่วยเหลือผู้อื่น หรือลูกอย ากได้อะไรเปย์หมด พ่อแม่อย ากได้อะไรเปย์หมด เหมือนกับช่วยภาระ

ทางบ้านสุดฤทธิ์ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ยังไม่รอด ก็ต้องมาดูว่าเงินหายไปตรงไหน สังเกตไหมคะ มันต้องกลับไป back to basic

จดรายรับรายจ่าย ว่ารายจ่ายออกไปได้ยังไง

6 : เมื่อมีปัญหาทางการเงินแล้วเครียดจัด ไม่ว่าจะมีเงินมากหรือน้อย คำแนะนำหรือวิธีการบำบัดความเครียดทางการเงิน

ควรทำอย่ างไร อันนี้ต้องจัดการกับความเครียด เช่น ในบางมุมต้องทำกิจกรรมบำบัด กิจกรรมที่เขาชอบ อย่ างเคส ติ ด

ช้อปปิ้ง เราก็ไม่ให้เขาไปเจอสิ่งเร้า แรก ๆ อาจจะเลิกไม่ได้ เราต้องค่อย ๆ ทำจนเขาเลิกให้ได้ แต่การจะเลิกได้ต้องมี

สิ่งทดแทน เช่น เปลี่ยนจากเดินห้างช็อปปิ้งมาออกกำลังกายด้วยกัน ฟิตเนสแพงก็ไปสวนสาธารณะ

สิ่งที่กล่าวมาเป็นแค่กระจกสะท้อน ตัวเขาเองคือผู้รักษาตัวเขาเองดีที่สุดค่ะ แต่เราเป็นแค่กระจกสะท้อนว่ากิจกรรมนี้ดีมั้ย

ทดแทนกันได้ ดูแล้วให้เขาไปทำการทดลองว่ามันดีขึ้นกับชีวิตเขามั้ย ลองดูนะคะ

7 : หากบางครั้งการใช้เงินจะมีความสุขมากตอนซื้อ ทั้ง ๆ ที่เป็นของไม่จำเป็น แล้วมารู้สึกผิดทีหลัง จะทำอย่ างไรดี ถ้าเกิด

ทำผิดไปแล้วอย ากให้จดบันทึก ว่านี่เป็นครั้งที่หนึ่ง เ พ ร า ะคนกลุ่มนี้จะไม่ค่อยจำ เ พ ร า ะถ้าจำได้จะมีสติ ครั้งที่สองถือ

ว่าพลาดได้ แต่ถ้ามีครั้งที่สามอีกนี่ไม่ใช่พลาดแล้ว และลามไปถึงครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้า เขาค่อนข้างไม่สบายแล้ว และเขาก็

จะรู้สึกผิดสลับกันไป เหมือน ติ ดการพนัน

การมาให้คำปรึกษากัน เราจะบันทึกไว้ตลอดว่าครั้งที่แล้วคุณก็มีปัญหา ซื้ออันนี้มา ทำไมครั้งที่สองซื้อมาด้วยเหตุผลใหม่

แต่เหตุผลใหม่คล้ายกับเหตุผลเดิม เขาจะเริ่มรู้ว่านี่คือครั้งที่สองแล้ว เราจะมาคุยกับเขาอีก บางครั้งเราจะให้เขายืดหยุ่น

นะ การแก้ไขปัญหากับความเข้มแข็งทางจิตใจไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องค่อยเป็นค่อยไป

8 : ถ้าเราไม่ได้เป็นคนสร้างหนี้ แต่คนในครอบครัวเป็นหนี้เป็นสิน   ยกตัวอย่ างเช่น พ่อเป็นหนี้ ใช้เงินเกินตัว แล้วคนทั้งบ้าน

ต้องรองรับความเครียด สมาชิกในครอบครัวต้องจัดการอย่ างไร ถ้าเป็นไปได้อย ากให้มาคุยกันทั้งครอบครัว เ พ ร า ะแต่ละ

คนมีประเด็นไม่เหมือนกัน ต้องมาดูกันว่าใครมีอำนาจเหนือใคร คีย์แมนคือใคร

เ พ ร า ะครอบครัวมีจุดเชื่อมโยงกัน เช่น น้องสนิทกับพ่อ พี่ชายสนิทกับแม่ แต่วันนี้พ่อมีปัญหา สมมุติ ตอนนี้เงินฝืดเคืองเริ่ม

มีหนี้สิน ก็ต้องมาดูแล้วว่าจะแก้ปัญหาอะไรก่อนหลังถ้านำไปสู่ความรุนแรง ก็ต้องดูว่าใครรุนแรงกับใคร ใครเป็นคนควบคุม

ความรุนแรงนี้ได้ ใครมีอำนาจที่มาต่อรองตรงนี้ได้ แล้วความรุนแรงตรงนี้จัดการอย่ างไร

ครอบครัวที่มีปัญหาทางการเงินที่พบบ่อยมาจากการสื่อสารแล้วโยนบาปกัน “เ พ ร า ะมึงมันถึงเป็นแบบนี้” คือเวลาเขา

ทะเลาะเขาจะไม่มีใช้ ‘คุณ’ กัน ไม่ให้เกียรติกันในการสื่อสาร และการสื่อสารเริ่มกล่าวโทษแล้วโยนบาปว่าผิดเ พ ร า ะ

เธอไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือบางทีจะเกิดคำว่า Financial Abuse คือการข่มเหงทางการเงิน ยิ่งถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมี

อำนาจมากกว่าก็จะเกิดการข่ม นี่ไงใช้หนี้ให้แล้ว ก็ข่มอีกฝั่งหนึ่งได้

มันต้องปรับตัว เช่น เราไม่ได้สร้างหนี้ แต่แฟนสร้างให้ อย่ างแรกก็ต้องปรับตัวปรับใจของเราก่อน เสร็จเล้วมาปรับ

พฤติกรรม อาจจะหานักจิตวิทย า และฝั่งเราที่เป็นครอบครัวต้องให้กำลังใจ

Load More Related Articles
Load More By คิดสิ
Load More In ข้อคิด ให้กำลังใจ
Comments are closed.

Check Also

บูชาพ่อแม่แล้วเจริญรุ่งเรือง..นี่แหละคือสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์มากสำหรับลูกๆ

ช า ย ผ้ า ถุ ง ของแม่ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม้ไม่ต้องป … …