เธอกับสามีกลับเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อทำงานหาเงิน และฝากลูกไว้ให้ย ายเลี้ยงที่บ้านนา มากรุงเทพฯ ด้วยเงินที่มีติดตัว
10,000 บาท หลังจากอยู่กับสามีได้ 1 ปีกว่าก็ต้องหย่ ากัน ตอนนั้นรายได้ 15,000 บาท ได้เงินมาปุ๊บจะถูกเอาออก และ
จ่ายออกทันที คือต้องหารายได้เพิ่ม เธอเดินผ่านโบ๊เบ๊ ทุกวัน จึงคิดข า ย ข อ งทาง เน็ต พอเริ่ม ตอนนั้น ก็ได้ กำไร นะ
(คือเอาออกจากทุนแล้ว แต่ยังไม่นับที่สต๊อกไว้) กำไรต่อเดือน เดือนละ 150-900 บาท โชคดีที่ทำงานมีโครงการเล็ก ๆ
ได้ ออก ไป ต่าง จังหวัด และ มีเบี้ย เลี้ยง ครั้ง ละ 1,000-2,000 บาท เดือน นึง มี 1-2 ครั้ง รู้สึกหายใจได้โล่งท้องมากขึ้น
ทำงานจนถึงตี 3 ทุกวัน ไม่น่าเชื่อว่ารายได้มันอาจจะเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่บ่อยและสะสมเข้าบัญชีโดยไม่รู้ตัว และวันหนึ่งพี่ที่
ทำงานด้วยกันเขาก็ลาออก เหลือเธอ ดู แล ออฟฟิศ คนเดียว เธอต้องทำทุกอย่ างเพื่อความเรียบร้อย ของออฟฟิศแล้ว
เจ้านายก็ประกาศว่าที่ประชุมเห็นชอบ และมีมติขึ้นรายได้ให้เธอเป็น 20,000 บาท ไม่นับรวมค่ากองทุนประกันสังคมและ
เบี้ยเลี้ยงงานนอกอื่น โดยเจ้านายแอบทราบมาว่าเธอเป็นซิงเกิลมัมที่ทำงานได้ดี สุจริต และขยัน และรายได้ทางอื่นก็เข้า
มาเป็นครั้ง ๆ ไป (จากเบี้ยเลี้ยง พิมพ์งานถอดเทป สรุปงาน ฯ) การขายของทางเน็ตก็ดีขึ้น ได้กำไรมากกว่า 1,000 บาท
แล้วเธอกินง่ายอยู่ง่าย ทำบัญชีรายรับรายจ่ายตลอด กินข้าวแค่ 3 มื้อ ไม่ชอบกินขนม ไม่มีชากาแฟ ไม่มีนัดเพื่อนไปปาร์ตี้
จนวันหนึ่ง เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2558 ออฟฟิศจะต้องย้ ายไปอยู่แถวท่าพระ เธอใจหาย เ พ ร า ะหากไปทำงานแถวนั้น
ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก ค่าที่พักแพง 5,000-7,000 แน่ ๆ ค่าอาหารหลังจากได้เดินตลาดบ้าน ๆ ก็แพงกว่าที่ปัจจุบัน และ
ไม่ได้ขายของที่แน่ ๆ คือ เขาคงไม่พิจารณาขึ้นรายได้ของเธอ ให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายรายเดือน จึงเรียนเจ้านายตามตรง
ว่า หากต้องย้ ายไปขอเข้างานเพียงสัปดาห์ละวันเ พ ร า ะค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเท่าตัว จึงต้องหารายได้เพิ่มมากขึ้น
และหากวันหนึ่งร่างกายแก่ตัวไปก็ต้องพัก จึงอย ากหางานที่มั่นคงในวันข้างหน้าคือจะเรียนต่อ แล้วอาจจะกลับไปทำงาน
อาจารย์ที่บ้านนา …ท่านเอ่ยมาเสียงอ่อน ๆ ว่า จะทำอะไรก็รีบแจ้งกันนะ ใจหายเลย แต่สนับสนุนเต็มที่ถ้าตั้งใจจริงโดยที่
การเรียนต่อคราวนี้ ต้องใช้เงินค่าหลักสูตร 650,000 บาทเป็นอย่ างต่ำ จึงต้องเร่งปั๊มเงินย้อนกลับมาดูเงินเก็บตัวเอง ที่
ผ่านมาเก็บประปรายในแต่ละเดือน แอบซื้อสลากออมสินบ้าง (ไม่เล่นหุ้นไม่มีความรู้) และแอบเก็บแบบฝากประจำอีก
จำนวนหนึ่ง ซึ่งครบเวลาที่ถอนพอดี จึงได้เงินมา 1 ก้อน เอาไปฝากบัญชีไว้ ในส่วนของงานเพื่อปั๊มเงิน…เจ้านายใจดีเสมอมา
และสนับสนุนให้เธอเรียนต่อเต็มที่ ท่านก็แซวเราเสมอว่าอย ากได้ลูกน้องเรียนสูงอีกสักคน รับงานเขียนและสรุปบทเรียนมา
ให้ตลอดมีที่ไหนให้น้อยให้มาก ก็ถามก่อนว่าไหวไหม ถ้าไหวรับให้ ซึ่งก็ไหวทุกงาน อยู่ ๆ ค่าเขียนงานก็เพิ่มขึ้น มีตั้งแต่
ทำฟรีครั้งละ 1,000 บาท ถึงสูงสุดครั้งละ 20,000 บาท ในระยะนี้ได้ค่าเขียนงานมาเท่าไร นอนลูบอยู่ 1 คืน ก็เอาเก็บเข้า
บัญชีไปโดยด่วน ขายของก็ได้มากขึ้นไม่รู้ว่าอาจจะเป็นเทรนด์หรืออะไร ลูกค้าหน้าใหม่ก็เยอะขึ้น ทำให้ต้องนอนดึกเพื่อ
เคลียร์งานเขียน และตื่นเช้าเพื่อรีบไปซื้อของจัดของส่งลูกค้าแล้วก็ทำงานออฟฟิศปกติในตอนกลางวัน ได้นอนน้อยลง
ว่างเมื่อไรนอนทันที นอนตอนนั่งรถ นอนตอนเดินทาง แต่ตัวเลขเงินในสมุดรายรับรายจ่ายมันเพิ่มขึ้นนี่คือตัวเลขที่เพิ่มขึ้น
เพื่อให้เห็นว่าไม่ได้จุดเขียนอวยตัวเองหรืออะไร ไม่ใช่ตัวเลขที่ขึ้นมาผิดปกติ แต่มีที่มาทุกบาท (ก่อนมีนาคม เธอแสดง
รายได้และเสียภาษีทุกปี)