ข้อคิดชีวิต อย่ ามัวเสียเวลาอธิบาย กับคนที่ไม่รู้จักตัวคุณดีพอ
อย่ ามัวไปเสียเวลา..อธิบายกับคนที่ไม่เข้าใจคุณ ตาเหมือนกันยังมองไม่เหมือนกันปากเหมือนกัน
ยังพูดไม่เหมือนกันมีหนึ่ง ส มอง สองมือเหมือนกัน ยังทำไม่เหมือนกัน คนทุกคนล้วนเชื่อในสิ่งที่
เขา อ ย า ก จะเชื่อ คนที่เข้าใจคุณก็จะเข้าใจคุณตั้งแต่แรก คนที่ไม่เข้าใจคุณ เขาก็จะเลือกที่จะ
ไม่เชื่อคุณไปตลอด เ พ ร า ะฉะนั้น เสียเวลาเปล่าในการอธิบายกับคนที่เข้าใจคุณผิด เขาจะฟัง
ในสิ่งที่เขาอ ย า กจะได้ยิน ในสิ่งที่เขาฟังแล้วชอบ ไม่ใช่ข้อเท็จจริง
เมื่อเป็นแบบนั้นแล้วก็ย่อมมีคนที่เข้าใจคุณผิดได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว จงอย่ าได้แ ค ร์ และ อย่ าได้
เ สี ยเวลาไปหาข้อแก้ตัวหรืออธิบายเพื่อให้เขาเข้าใจถูก ตราบใดที่เรายังเป็นตัวเอง ในแบบที่ไม่
ทำให้ตัวเอง และคนอื่นเดือดร้อนมองคนละมุมยืนคนละที่จึงเห็นความจริงไม่เหมือนกัน เ พ ร า ะ
ต่างฝ่ายต่างใช้ความคิดที่เข้าข้างตนเอง
ใ น ชี วิตคนเราแม้จะพย าย ามทำดีเท่าไหร่ แต่ก็คงไม่สามารถทำให้ทุกคนพึงพอใจได้ จึงเป็นเรื่อง
แสนธรรมดาที่ในชีวิตคุณต้องพบเจอทั้งผู้คนที่ชอบและไม่ชอบคุณในตัวคุณ เ พ ร า ะฉะนั้น ปล่อย
ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์กาลเวลาเท่านั้นที่จะทำให้ความจริงปรากฎหากคุณดีจริงและดีได้นานพอ
สักวันคนอื่นจะมองเห็นเองเหมือนดั่งนิทานเรื่องเล่าต่อไปนี้
อ ย่ า ไ ป เ สียเวลาอธิบายคนที่เข้าใจคุณผิด สักวันความจริงย่อมปรากฎ มีหญิงสาวคนหนึ่ง ตั้งท้อง
โ ด ยไม่รู้ว่าใครคือพ่อของเด็กพ่อแม่บังคับให้ลูกบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็ก หญิงสาวทนแรงกดดัน
ไม่ไหว จึงบอกว่าพ่อของเด็กเป็นพระอาวุโสรูปหนึ่งในวัดใกล้บ้านเมื่อเด็กคลอดคนที่บ้านก็เอาเด็ก
ไปหาพระอาวุโสรูปนี้ พระบอกเพียงว่า อ้อ เป็นอย่ างนี้นี่เอง ก็รับเด็กไว้
ตั้ ง แ ต่นั้นมาพระรูปนั้นก็พาเด็กไปบิณฑบาตทุกเช้า คนในหมู่บ้านด่างตำหนินินทา ทั้งต่อหน้าและ
ลับหลัง 1 ปี ผ่านไปหญิงสาวรู้สึกผิดจึงสารภาพกับพ่อแม่ว่าพ่อที่แท้จริงเป็นอีกคนหนึ่งไม่เกี่ยวกับ
พระรูปนั้นเลย ครอบครัวนี้รู้สึกละอายใจมากไปพบพระอาวุโสรูปนั้น
ภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าครอบครัวนี้คือ พระท่าน โ ท ร ม มากแต่ลูกกลับอ้วนๆขาวๆเป็นที่น่ารักมาก
หญิงสาวรู้สึกผิ ดมาก ขอโทษพระอาวุโสรูปนั้น ท่านพูดเพียงว่า อ้อ เป็นอย่ างนี้นี่เอง พระอาวุโสถูก
กล่าวหาจนชื่อเสียงป่นปี้
แ ต่ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้แก้ตัวเลย เ พ ร า ะอะไร ? พระอาวุโสรูปบอกว่า บวชเป็นพระ ชื่อเสียงเงิน
ทองต่างเป็นของนอกกายคนเข้าใจผิดก็ไม่ได้ เ ดือดร้อ น อะไรอาตมาช่วยแม่ และลูกให้พ้นวิกฤต
ได้ เป็นการทำบุญอย่ างหนึ่งตอนคนอื่นเข้าใจเราผิดเราต้องใช้เวลามากในการอธิบาย เพื่อพิสูจน์
ความบริสุทธิ์ของเรา แต่ไม่มีประโยชน์อันใด ไม่มีใครฟังไม่มีใครเชื่อ คนเราจะเชื่อกับข้อมูลที่ได้
รับมาครั้งแรก โดยไม่ค่อยพิจารณาว่า ความจริงเป็นเช่นไร
ใช้หลักจากการรับรู้ของตัวเองในการเข้าใจ และตัดสินไปก่อนแล้ว เ พ ร า ะทุกคนล้วนเชื่อแค่ใน
สิ่งที่ตัวเองอ ย า กจะเชื่อเท่านั้น จึงเกิดความเข้าใจผิดอยู่เรื่อยไป