น้อยคนที่สังเกตว่า ความฟุ้งซ่านไม่เคยช่วยแก้ปัญหา ตรงกันข้ามมันคือหนึ่งในปัญหาใหญ่ ที่ซ้ำเติมปัญหาชีวิตอื่น ๆ ให้หนัก
ขึ้นหมายความว่า ถ้าเกิดปัญหาอะไรกระตุ้นใจให้ งง อึ้ง โกรธแล้วคุณปล่อยใจให้ฟุ้งซ่าน วกวนก็เท่ากับเกิดปัญหาสองชั้น
ทั้งนอกตัวและในตัวแนวโน้ม คือ ความฟุ้งซ่านจะบันดาลใจให้คุณ แก้ปัญหาแบบหน้ามืด เพิ่มน้ำหนักปัญหาให้หนักหน่วงขึ้น
อลเวงขึ้น ตามล้างตามเช็ดย ากขึ้นเป็นต้นว่า คิดหาสารพัดวิธีที่จะ ประชดชีวิตหรือประชดใคร เอาแค่ให้สะใจไม่เอาความ
สมเหตุสมผล นึกว่าถ้าอาละวาดแสบ ๆ เดี๋ยวคงมีใครสำนึกขึ้นมาบ้างหรือนึกว่าถ้าหุนหันพลันแล่น ดับเดี๋ยวคงมีใครเสียใจ ไม่
อย ามีชีวิตอยู่ แต่หากฝึกตัวเองมาดีเกิดปัญหาภายนอกแล้วไม่ปล่อยใจให้ฟุ้งแต่กระตุ้นตัวเองให้คิดก็จะเกิดแต่ปัญหาข้างนอก
ชั้นเดียว แนวโน้มคือใจที่ว่างจากความวุ่น จะเปิดทางให้คุณคิดลดปัญหา หรือทำลายปัญหาให้สิ้นด้วยวิธีที่ง่าย และทำได้จริง
ที่สุดเป็นต้นว่าเมื่อใครทำให้เสียใจก็ไม่ด่วนใช้ความเสียใจผลิตคำพูดแต่รอจังหวะอารมณ์ ที่ใช่คัดคำพูดที่ใช่ผนวกกับน้ำเสียง
ที่ใช่ มาสร้างความเข้าใจให้ทั้งเขาทั้งเราขึ้นมา เริ่มฝึกตัวเองจากการระลึกพระพุทธพจน์ ที่ว่าใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธานอะไร ๆ
ออกมาจากใจทั้งนั้นเช่นนี้เมื่อเกิดปัญหา จะใหญ่หรือเล็กก็ตามก็สำรวจให้รู้ว่า ใจ ณ ขณะนั้นว้าวุ่นแบบพร้อมจะเพิ่มปัญหา หรือ
ว่างพอจะลดปัญหาใจว่างคือใจที่พร้อมทำตัวเป็นประตูใจวุ่น คือใจที่พร้อมทำตัวเป็นกำแพง หากเกิดสติรู้ว่าใจกำลังทำตัวเป็น
กำแพง สติจะช่วยให้เกิดวูบของความเห็นทะลุกำแพงรู้ว่าจริง ๆ แล้วทางตันไม่มีมีแต่ใจตัน ๆ ที่ทำตัวเป็นกำแพงขวางทางออก
และเมื่อเกิดสติสติจะตกแต่งจิต ให้โปร่งโล่งขึ้น ซึ่งหากโปร่งถึงขั้นว่างพอให้ไอเดียได้พื้นที่ผุดคุณจะเห็นตัวเอง มีหน้าที่สะสาง
ปัญหาแล้วไม่โยนภาระทางความคิดให้คนอื่นไม่สำคัญไปว่า เดี๋ยวเขาคงคิดได้เอง หรือเดี๋ยวเธอคงเห็นใจเราเองแต่จะหาวิธีทำ
ให้เขาคิดได้ หรือหาทางให้เธอเห็นความในใจให้ชัดขึ้น หัดระลึกบ่อย ๆ ณ จุดเกิดเหตุในที่สุด จะเกิดสติไว ได้ไอเดียคม ๆ
ถึงระดับที่เปลี่ยนชีวิตคุณได้