เมื่อไหร่ก็ตามที่ธุรกิจหยุดชะงัก หรือทำยอดขายได้ไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ เชื่อได้ว่าสิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึง ก็คือ ปัญหาที่
อ า จ เ กิดในระหว่างการผลิตอย่ างแน่นอน แต่ถ้าหากว่าผลิตผลผ่านการตรวจสอบอย่ างถูกต้องและไร้ความบกพร่องใด ๆ
เลยล่ะ ? มีสักครั้งไหมที่คุณจะคิดไปถึง ลูกจ้าง หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้า? มั่นใจว่าพวกเขา
ทุ่มเทให้กับบริษัทอย่ างสม่ำเสมอจริงหรือ? พวกเขาพย าย ามทุกวิถีทางที่จะช่วยเสริมสร้างจุดแข็งของบริษัทร่วมกับเราจริง
หรือเปล่า? แล้วพวกเขาพย าย ามที่จะเข้าหาและบริการลูกค้า หรือคอยแต่จะหนีหน้าตลอด? บางทีอาจถึงเวลาแล้วที่คุณจะ
ต้องพิจารณาให้ดีว่าผู้คนที่ทำงานให้คุณ หรือทำงานร่วมกับคุณ และสภาพแวดล้อมในการทำงานนั้นเป็นใจจริง ๆ หรือยังมีผู้
คนอยู่หลายประเภทที่จะคอยยื้อยุดฉุดดึงธุรกิจของคุณไว้ไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า มาดูกันดีกว่าว่าจะมีคนแบบไหนแฝงกายอยู่
ในบริษัทของคุณบ้าง?
1 : พวกที่ไม่ยอมหลับยอมนอน
คนส่วนใหญ่มักมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับอิทธิพลของการนอนหลับ ต่อการก่อร่างสร้างธุรกิจว่า ยิ่งนอนน้อย ยิ่งมีเวลาในการ
ส ร้ า งงาน มาก ซึ่ ง แ น่นอนว่าผิดมหันต์ อาเรียนน่า ฮัฟฟิงตัน ผู้เขียนหนังสือ “The Sleep Revolution” และเป็นผู้ก่อตั้ง
Huffington Post เชื่อว่า “ยิ่งเรานอนหลับมากเท่าไหร่ เรายิ่งควบคุมความเป็นไปของชีวิตได้มากเท่านั้น” ในทำนองเดียวกัน
ถ้าหากพนักงานของคุณนอนหลับพักผ่อนไม่เต็มที่ ดีไม่ดีอาจได้มาทำงานในสภาพง่วงเหงาหาวนอน ซึ่งถ้าไม่มีพลังงานที่
จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตไปแล้วล่ะก็ อย่ าหวังเลยว่าจะสามารถช่วยขับเคลื่อนบริษัทของคุณให้ก้าวหน้าไปได้ ดังนั้นจึงควร
ให้พนักงานของคุณได้พักผ่อนอย่ างเต็มที่อยู่เสมอ เพื่อสมรรถภาพในการทำงานที่เต็มร้อย และไม่น้อยกว่าที่ต้องการ
2 : พวกที่ทำตัวรู้ไปทุกอย่ าง
เชื่อได้ว่าไม่ว่าใครก็ต้องเคยประจันหน้ากับพวกที่คิดว่าตัวเอง “รู้ไปหมด” มากันแล้วทั้งนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเป็นพวกที่
เที่ยววิจารณ์การทำงานของผู้อื่นไปทั่ว ตั้งแต่ระดับผู้จัดการยันลูกจ้างทั่วไป บุคคลประเภทนี้จะคอยชี้โน่นชี้นี่ แล้วบอกว่า
ถ้าเป็นตัวเองจะทำแบบนั้นทำแบบนี้ ซึ่งคิดไปเองว่ามันน่าจะออกมาดีกว่าในสายตาของคนเหล่านั้นแล้ว พวกเขาเชื่อมั่นว่า
ตนเองสามารถดำเนินกิจการทั้งหมดด้วยตัวเองได้อย่ างไร้ปัญหา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วกลับไม่ได้รู้อะไรสักเท่าไหร่ แค่
ทำเป็นอวดโอ้ให้ใหญ่โตไว้อย่ างนั้น ถ้าไม่ตัดคนประเภทนี้ออกไปเสียก่อน แน่ใจได้เลยว่าพวกเขาจะต้องทำเสียเรื่องใน
ภายหลังอย่ างแน่นอน
3 : พวกที่ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน
ถ้าจะว่ากันตามตรง คนพวกนี้เป็นคนไม่ดีที่แฝงกายอยู่ในทุก ๆ องค์กรมากที่สุด แถมยังไม่ได้ช่วยพาบริษัทก้าวหน้าไปไหน
อีกต่างหาก เนื่องจากพวกเขาจะพย าย ามทำงานให้น้อยที่สุด หรืออย่ างน้อยก็พย าย ามลอยลำอยู่ในระดับที่ปลอดภัย
จากการถูกไล่ออก ถ้าหากว่ามีงานพิเศษล่วงเวลาเข้ามา พวกนี้ก็จะพย าย ามทำเป็นไม่สนใจ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็จะรีบทำ
ส่ง ๆ ให้เสร็จไปอย่ างนั้นและแน่นอนว่า การทำงานส่ง ๆ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อธุรกิจใด ๆ ซึ่งในฐานะของผู้นำแล้ว สิ่งที่ควรทำ
คือพย าย ามมองหาว่า พอจะมีอะไรบ้างไหมที่จะมาสร้างแรงบันดาลใจให้กับพนักงานแต่ละคนได้บ้าง เนื่องจากทุกคนต่าง
ก็มีความสนใจที่แตกต่างกันไป ดังนั้นหากสามารถสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้พวกเขาได้ พวกเขาจะพาบริษัทของคุณ
ทะย านไปได้ไกลอย่ างไม่ต้องสงสัยเลย
4 : พวกคนช่างบ่น
น่าเศร้าที่ผู้คนประเภทนี้มีอยู่เต็มไปหมด พวกเขามักไม่ยอมหยุดพล่ามเรื่องที่ว่า เขาน่าจะออกไปหางานใหม่ หรือแม้แต่ชอบ
เล่าบ่น ก่น ด่า ว่า เจ้านายนั้นเป็นคนไม่ดีขนาดไหนในวงสนทนา ซึ่งถ้าหากยอมปล่อยให้คนประเภทนี้ลอยหน้าลอยตาอยู่ใน
บริษัทต่อไป เชื่อได้เลยว่าระดับคุณภาพจิตใจของพนักงานจะลดน้อยถอยหลังลงคลองเป็นแน่ และหลังจากนั้นผลที่ตามมา
ก็จะกระทบกับธุรกิจของคุณเข้าอย่ างจัง ดังนั้น ถ้าหากคุณเป็นผู้นำองค์กร แล้วดันไปได้ยินข้อติฉินนินทาเกี่ยวกับตัวเองเข้า
ล่ะก็ ให้ตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่ดียิ่งขึ้นกว่าเก่า แต่หากว่าคนส่วนใหญ่ยังคงรักใคร่เอ็นดูคุณดี ในขณะที่มีแค่
ส่วนน้อยที่จะคอยจิกกัดไม่ยอมปล่อย ขอแนะนำว่า อย่ าคอยท่าตัดสัมพันธ์เสียแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่อะไรอะไรจะสายเกินแก้
5 : พวกเด็กเลี้ยงแกะ (ชอบโกหก)
การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับลูกค้านั้น ถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญที่สุด ในการสร้างธุรกิจให้เติบใหญ่ เ พ ร า ะ เมื่อลูกค้า
รู้ สึ กว่าสามารถไว้ใจเราได้ นอกจากพวกเขาจะแวะเวียนมาใช้บริการอยู่เรื่อย ๆ แล้ว ยังอาจแนะนำให้ผู้อื่นมาลองอุดหนุนหรือ
ใ ช้ บ ริ การกิจการของคุณด้วย ในทางตรงกันข้าม หากมีพนักงานสักคนในบริษัทที่มักจะทำให้ลูกค้าผิดหวังด้วยการทำไม่ได้
อ ย่ า งที่ พู ด ไ ว้ ล่ ะ ก็ รับรองเลยว่าต่อให้เป็นลูกค้าประจำก็หลบลี้หนีหายไปแน่นอน แถมพวกโกหกพกลมก็มักจะอวดอ้าง
ส ร ร พ คุ ณ สิ น ค้ าต่าง ๆ ให้เกินจริงเพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อเสียด้วย ปัญหาคือ หลังจากที่ซื้อสินค้าไปแล้วไม่พอใจ ลูกค้า
เหล่านั้นจะย้อนกลับมาใหม่เพื่อขอคืนสินค้า เท่านั้นยังไม่พอ อาจมีบอกต่อกันในวงเพื่อนฝูงถึงประสบการณ์ที่ไม่น่าประทับใจ
นี้อีกด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อธุรกิจของคุณ ดังนั้น การซื่อสัตย์ต่อลูกค้าจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้พวกเขา
ติดใจและกลับมาใช้บริการอีก ด้วยเหตุนี้ หากมีการร้องเรียนจากลูกค้าเกี่ยวกับพนักงานที่ดูไม่น่าเชื่อถือแล้วล่ะก็ ตรวจสอบ
ให้เข้มงวดและตัดสินใจที่จะเด็ดในส่วนเนื้อเสียทิ้ง แล้วรักษาชื่อเสียงของบริษัทเอาไว้จะดีกว่า
กล่าวโดยสรุปคือ การที่บริษัทชะลอตัว (หรือหยุดชะงัก) จากการเติบโตนั้น อาจไม่ใช่เ พ ร า ะปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพสินค้า
เสมอไป มันอาจเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่คาดไม่ถึงอย่ างคุณภาพของลูกจ้างที่ทำงานให้กับคุณก็ได้ เ พ ร า ะแทนที่จะช่วยให้บริษัท
ก้าวหน้า พวกเขาอาจกำลังฉุดกระชากลากขาคุณให้ถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นอย่ าลืมเหลียวซ้ายแลขวา มองหน้าชำเลือง
หลังให้ดีว่ากำลังมีใครที่กำลังคอยบ่อนทำลายสมดุลที่ดีของบริษัทคุณอยู่หรือเปล่า?