ในดินแดนแสนห่างไกล มีม้าหนุ่ม ตัวหนึ่งที่มีร่างกาย กำยำแข็งแรงดูสง่างาม ความสามารถ ของม้าตัวนี้ สามารถวิ่งได้
ระยะทางถึงพันลี้ โดยที่ไม่ต้องหยุดพัก และไม่มีเหนื่อยเลย จึงทำให้เป็น ที่หมายปองของหลายๆ คนที่อยากจะเป็นเจ้าของมัน
แต่ม้าตัวนี้ก็ไม่ยอมให้ใครขี่เลย เพราะมันกำลังรอ ผู้ที่เพียบพร้อมเหมาะที่จะขี่มันอยู่ ในช่วงเวลาที่ม้ากำลังมองหา
ผู้ที่มันคิดว่าเหมาะสมจะขี่มันได้นั้น ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อย ที่เข้ามาหาม้าตัวนี้เพื่อจะขี่มัน พ่อค้าได้เข้ามาหาม้า และถามมันว่า
“เจ้าอยากจะไปกับข้าหรือไม่…ข้ามี น้ำมีอาหารให้ กินไม่ขา ดนะ” ม้าพันลี้ได้แต่ส่ายหัว และตอบกลับไปว่า
“ม้าดีๆ แบบข้าไม่ไปกับพ่อค้าที่ใช้ข้าไปส่งของเฉย ๆ หรอกนะ”
ทหารได้เข้ามาหาม้า และถามมันว่า “เจ้าอยากจะไป กับข้าหรือไม่…เจ้าจะได้เป็นม้าคู่ กายทหารเลยนะ”
ม้าพันลี้ได้ แต่ส่ายหัวและ ตอบกลับไปว่า “ม้าดี ๆ แบบข้าทำไม ข้อต้องไปรับใช้ ทหารธรรมดา แบบเจ้าด้วย”
นายพรานได้เข้ามาหาม้า และถามมันว่า “เจ้าอยากจะไปกับข้าหรือไม่..” ม้าพันลี้ ได้แต่ส่ายหัว และตอบกลับไปว่า
“ม้าดี ๆ แบบข้าทำไมต้อง ไปรับใช้นาย พรานแบบเจ้าด้วย” ไม่ว่าใครจะเข้ามาหาชักชวนยังไงม้าพันลี้ ก็ไม่ตอบตกลงไปกับใครเลย
เวลาก็ผ่านล่วงเลยไปหลายปี แต่ม้าพันลี้ ก็ยังหาเจ้าของ ที่ถูกใจมันไม่ได้สักที จนเมื่อข่าวความเก่ง และความสามารถ
ของม้าพันลี้เข้าไปถึงในวัง และไปถึงหู ของพระราชา พระราชาจึง ได้ออกรับสั่งให้ขุนนางรีบไป ตามหาม้าพันลี้ตัวนี้
เพื่อมาเป็นพาหนะคู่กาย ของพระราชา ขุนนางจึงออกเดินทาง และได้ตามหาม้าพันลี้ ตัวนี้จนพบและได้ แนะนำตัวเอง กับม้าพันลี้
เมื่อม้าพันลี้ รู้ว่าคนที่มาหาตน เป็นถึงขุนนางชั้นสู งและจะได้ไป เป็นพาหนะคู่กาย ของพระราชาก็ดีใจมาก และตัดสินใจ
ที่จะไปกับขุนนาง ในทันที เพราะม้าพันลี้ ได้เจอกับคนที่เหมาะสม จะขี่มันแล้ว
แต่ก่อนที่จะได้กลับไป วังขุนนางจึงได้ถามม้า พันลี้ว่า “เจ้าเชี่ยวชาญเส้น ทางแถบนี้ มากแค่ไหน”
ม้าพันลี้ตอบว่า” ไม่เลย..เพราะข้าไม่เคยเดิน ทางไปไหน นานมากแล้ว“ ขุนนางจึงถามต่อว่า” เจ้าเคยมีประสบการณ์ ในการสู้สมรภูมิ รบบ้างไหม“
ม้าพันลี้ตอบว่า” ไม่เลย..เพราะข้าไม่ยอมรับ ใช้ทหารธรรมดา ๆ หรอก“ ขุนนาง จึงถามต่อว่า” งั้น…เจ้าเคยเข้าป่าไหม
บางครั้งพระราชา ก็ชอบไป ล่าสัตว์นะ“ ม้าพันลี้ ตอบว่า” ไม่เลย..ข้าไม่ใช่ม้าธรรมดา ข้าไม่ยอมไป ให้นายพรานใช้งานหรอก
“ ขุนนางมองม้าพันลี้ ด้วยความสงสัยว่า ทำไมม้าตัวนี้ ถึงมีชื่อเสียงไปไกลถึง ในวังทั้ง ๆ ที่ไม่มีความสามารถอะไรเลย
ขุนนางเลยพูดขึ้นว่า” เจ้าไม่เคยทำอะไร มาเลย…แล้วข้าจะเอาเจ้าไปใช้ประโยชน์อะไร ได้อีก“
ม้าพันลี้บอกว่า “ข้าวิ่งเวลากลางวันได้ วันละพันลี้ กลางคืนแปดร้อยลี้“ ขุนนางจึงเปรยไปว่า “ถ้างั้นเจ้าก็ลองวิ่งให้ ข้าดูหน่อย
ถ้าเจ้าวิ่งได้เร็วสมคำล่ำลือ ข้าจะพาเจ้ากลับวัง“ ม้าพันลี้ จึงเริ่มออกวิ่งด้วยความมั่นใจ และดีใจที่จะได้โชว์ ความสามารถของตัวเอง
ให้คนอื่นได้ดูสักที แต่เมื่อเริ่มออกวิ่ง ไปได้ไม่นานม้าพันลี้ ก็เริ่มเหนื่อยหมดแรง ซะแล้ว
ขุนนางจึงพูดขึ้นว่า “เมื่อก่อนตอนหนุ่ม..เจ้าคงจะเก่งมากจริง ๆ ตามที่คนล่ำลือกัน ไว้แต่ตอนนี้ เจ้าแก่แล้วไม่ไหวแล้ว
ถ้าข้าเอาเจ้าไปคงใช้ประโยชน์อะไร ไม่ได้อีกแล้วข้า ว่าเจ้าคงไม่ใช่ม้า ที่ข้าตามมาหาแล้วล่ะ“
เมื่อพูดจบขุนนาง ก็ขึ้นควบม้าตัวเดิม แล้วจากไปทันทีทิ้ง ให้ม้าพันลี้ ยืนหอบหายใจ ไม่ทันหาย
ข้อคิดของเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า….อย่าหลงทะนงตนอย่าคิดว่าตนเก่งอยู่ค้ำฟ้าตลอด คนเรามีนำหน้า ก็ต้องมีถอยหลัง
หากเราคิดว่าตัวเองเก่ง และหยุดที่จะพัฒนา หรือหาความรู้มาเพิ่ม เราก็จะกลายเป็นคนที่ถอยหลังและคนอื่นจะแซงหน้าเราไปทีละก้าว
มีความมั่นใจเป็นเรื่องที่ดี…แต่อย่าถือทะนงตนจนเกินไป เมื่อใดที่คิดว่าตนเอง สุดยอด…จนไม่เห็นใคร อยู่ในสายตา
เมื่อนั้นความหายนะจะมาเยือน เพราะเราจะหยุดพัฒนาตนเอง…จนมีแต่ทรงกับทรุดเท่านั้นเอง