คนเราส่วนใหญ่ชอบที่จะ ” ทำบุญ “ โดยมีจุดประสงค์ที่แต กต่างกันออกไป บางคนทำบุญ
เพราะต้องการช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความลำบา ก บางคนทำบุญเพื่อหวังจะให้ตัวเองมี
ชีวิตที่ดีมากขึ้น แล้วคุณคิดว่าจุดประสงค์ของการทำบุญนั้น จริงๆแล้วคืออะไร…?
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งคำสอนดีๆจากเพจ ข้อธรรม คำสอน พระไพศาล วิสาโล ที่เราได้รวบรวม
ข้อมูลมาให้ลองอ่านและคิดตามกันดูนะ
ก่อนอื่นต้องเข้าใจ คำว่า ‘บุญ’ ให้ถูกต้องก่อน…
หากเราเข้าใจไม่ถูกต้อง แล้วมัวแต่สร้างวัด สร้างโบสถ์
สร้างหอระฆัง เพื่อหวังจะเกิดเป็นเทวดาในชาติหน้าหรือ
เป็นเศรษฐีในชาตินี้ ถ้าคิดอย่ างนี้อาจทำให้เกิดเป็น
พฤติกรรมที่เรียกว่า ” ทำบุญหวังผล “ ซึ่งปัจจุบันนี้
มีคนประเภทนี้เป็นจำนวนมาก คือมุ่งทำบุญเฉพาะกับวัด
แต่ไม่มีน้ำใจกับคน ไม่มีน้ำใจกับสัตว์ จิตไม่มีเมตตา
อย่ างแท้จริง จึงเกิดเหตุการ ” ชอบทำบุญ แต่ไร้น้ำใจ ”
เกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง เพราะ ถ้าจิตที่มีเมตตาอย่ าง
แท้จริงแล้ว ต้องพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้คน ไม่ว่าบุคคลนั้น
จะเป็นพระ หรือ เป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แท้จริงแล้ว
การทำบุญไม่ใช่การทำเพื่อหวังผล เพื่อขอให้อย ากได้
อยากมีมากขึ้น แต่เพื่อให้รู้จักสละออกไป สิ่งไหนที่มีมากแล้ว
ก็รู้จักแบ่งปันผู้อื่น ฝึกความเป็นผู้ให้ แบบนี้จึงจะเรียกว่าบุญ
คุณนายแก้ว เธอเป็นเจ้าของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอเป็นคนที่ชอบทำบุญมาก
มักจะเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าทอดกฐินอยู่บ่อยๆ เวลาใครบอกบุญ
สร้างวัดสร้างโบสถ์ เธอไม่เคยปฏิเสธเลย เธอมีความภาคภูมิใจมาก
ที่ได้ถวายเงินนับแสนสร้างหอระฆังถวายวัดข้างโรงเรียน อยู่มาวันหนึ่ง
เธอได้ทราบว่า มีนักเรียนคนหนึ่งในโรงเรียนของเธอไม่มีเงินจ่ายค่า
เล่าเรียนค้างชำระมาสองเทอมแล้ว เธอจึงตัดสินใจไล่นักเรียนคนนั้น
ออกจากโรงเรียนทันทีอย่ างไม่ลังเล
สายใจ พาป้าวัย 70 และเพื่อนซึ่งมีขาพิ ก า ร ไปถวายภัตตาหารเช้าที่วัดแห่งหนึ่ง
ซึ่งมีเจ้าอาวาสเป็นที่ศรัทธานับถือของประชาชนไปทั่ว ในเช้าวันนั้นมีคนมา
ทำบุญกันอย่ างเนืองแน่น จนลานจอดรถเต็มหมด เมื่อได้เวลาพระฉันแล้ว
ญาติโยมก็พากันกลับ สายใจพาหญิงชราและเพื่อนผู้ พิ ก า รเดินกะย่อง
กะแย่งตากแดดกล้าไปยังถนนใหญ่เพื่อขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน
ระหว่างนั้น มีรถเก๋งหลายสิบคันแล่นผ่านไป แต่ตลอดเส้นทางเกือบ
3 กิโลเมตร ไม่มีผู้ใจบุญคนใดรับขึ้นรถเพื่อไปส่งถนนใหญ่เลย
เหตุการณ์ทำนองนี้ มิใช่เป็นเรื่องแปลกประหลาดในสังคมปัจจุบัน
“ชอบทำบุญแต่ไร้น้ำใจ” เป็นพฤติกร รมที่พบเห็นได้ทั่วไป ทำให้เกิด
คำถามขึ้นมาว่า เรานับถือศาสนากันอย่า งไร จึงมีพฤติก รรมแบบนี้กันมาก
เหตุใดการนับถือศาสนา จึงไม่ช่วยให้คนมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเลย
โดยเฉพาะผู้ที่ทุก ข์ ย าก การทำบุญไม่ช่วยให้เรามีเมตตา รู้จักแบ่งปัน
หรือ กรุณาต่อผู้อื่นเลย หรือหากสังเกตดีๆจะพบว่า การทำบุญของเรานั้น
มักจะกระทำต่อสิ่งที่อยู่สูงกว่าตน เช่น พระภิกษุสงฆ์ วัดวาอาราม
พระพุทธเจ้า เป็นต้น แต่กับสิ่งที่ถือว่าอยู่ต่ำกว่าตน เช่น คนยากจ น
หรือ สั ต ว์ น้อยใหญ่ เรากลับละเลยกันมาก แม้แต่เวลาไปทำบุญที่วัด
เราก็มักละเลยสามเณร แม่ชี และ พระบวชใหม่ แต่กุลีกุจอเต็มที่
กับพระที่มีชื่อเสียง อะไรทำให้เราชอบทำบุญกับสิ่งที่อยู่สูงกว่าตน…?
ใช่หรือไม่ว่าเป็นเพราะเราเชื่อว่าสิ่งสูงส่งเหล่านั้นสามารถบันดาลความสุข หรือให้สิ่งดี ๆ ที่พึงปรารถนากับเราได้
เช่น ถ้าทำอาหารถวายพระ บริจาคเงินสร้างวัด หรือพระพุทธรูป ก็จะได้รับความมั่งมีศรีสุข มีอายุ วรรณะ สุข พละ
หรือ ช่วยให้มีความสุขสบายมากขึ้นในชาติหน้า ดังนั้นยิ่งทำบุญด้วยท่าทีแบบนี้ ก็ยิ่งเห็น ‘ แ ก่ ตั ว ‘ มากขึ้น เพราะ
ไม่ได้ทำด้วยจิตใจที่เป็นบุญ แต่ทำบุญเพราะหวังผล หวังแต่จะได้คืนมามากกว่า…!! ผลคือจิตใจก็ยิ่งคับแค บ
ความเมตตา กรุณาต่อผู้ทุก ข์ย ากมี แต่จะน้อยลง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การทำบุญแบบนี้ กลับจะทำให้ได้บุญน้อยลง
ยิ่งถ้าทำบุญ 100 บาท เพราะหวังจะได้เงินล้าน บุญที่เกิดขึ้นย่อมน้อยลงไปอีก เพราะใช่หรือไม่ว่า นี่เป็นการ
“ ค้ า กำ ไ ร เ กิ น ค ว ร ” ดังนั้น เมื่อใดที่เราเห็นคนทุก ข์ย าก ไม่ว่าเขาจะเป็นใครมาจากไหน อย่ าได้เบือนหน้าหนี
ขอให้เราเปิดใจรับรู้ความทุก ข์ของเขา แล้วถามตัวเองว่าเราจะช่วยเขาได้หรือไม่และอย่ างไร เพราะนี้คือโอกาสดี
ที่เราจะได้ทำบุญ ลดละอัตตาตัวตน จิตที่เป็นกุศลจึงจะได้บุญอย่ างแท้จริง
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ‘ ทาน ‘ ที่มีอานิสงส์ไม่มาก
ก็คือ ทานที่ให้ด้วยใจที่มีเยื่อใย หวังสั่งสมบุญ
หรือหวังเสวยสุขในภพหน้า
ถ้าผู้ที่ทำบุญยังมีจิตใจแบบนั้นอยู่
ก็จะไม่ได้อานิสงค์มากเท่าที่ควรจะเป็น
” การทำบุญ ” โดยไม่หวังผลของบุญ
จึงจะเรียกว่า ” การทำบุญ ” ที่ถูกต้อง
ขอขอบคุณข้อคิดดีๆจาก พระไพศาล วิสาโล