เรื่องสั้นที่ใช้สอนใจและให้ข้อคิดดี ๆ เ พ ร า ะเป็นเรื่องราวที่สนุกมีตัวละคร ทำให้จดจำได้ง่ายและมีตัวอย่ างของความดี
ความชั่ว ความถูกและความผิดและผลลัพธ์จากการกระทำที่ชัดเจนความถูกต้องเหมาะสม ความควรไม่ควร และให้แง่คิด
มุมมองรวมทั้งจินตนาการที่ดีแก่ผู้อ่านอีกด้วย
1 : สำคัญที่ข้างเคียง
ตอกเส้นหนึ่งตกอยู่บนถนนมันคือขยะ หากมันผูกอยู่กับผักกาดขาวก็มีค่าเท่ากับการร้อยผักกาดขาว หากมันผูกอยู่กับซุ้ม
ดอกไม้ มันก็มีค่าเท่ากับของประดับ สำคัญคือเราอยู่กับใคร เรื่องนี้สะกิดว่า “อยู่กับคนที่ไม่เหมือนกันย่อมเกิดคุณค่าที่
แตกต่างกัน เวทีที่ยืนต่างกันค่าตัวก็ต่างกัน อยู่ใกล้ชิดกับคนที่ประสบความสำเร็จ แล้วชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไป”
2 : ระหว่างความรู้กับความสามารถ
คุณย ายคนหนึ่ง พลัดหลงเข้าไปในห้องสัมมนาของเหล่าดอกเตอร์ บนเวที มีดอกเตอร์ ท่านหนึ่งกำลัง เอ่ยถามผู้ที่เข้ามา
สัมมนาว่า “เม็ดฝนที่ตกมาจากฟ้าที่สูงและตกมาด้วยความเร็วสูง จะทำให้คนได้รับความเจ็บหรืออันตรายถึงแก่ชีวิตหรือไม่”
เมื่อสิ้นเสียงคำถาม ภายในห้องประชุมก็อื้ออึง ต่างก็พากัน วินิจฉัย หาคำตอบ บ้างก็หาค่าความเร็วของเม็ดฝน บ้างก็หา
มวลน้ำหนักของเม็ดฝน ฯลฯ ต่างคนต่างก็พากันคิด คุณย ายมองดูอยู่สักพักก็คว้าไมโครโฟนที่โพเดียมออกมาพูดขึ้นว่า
“พวกคุณไม่เคยตากฝนเหรอ” สิ้นเสียงของคุณย าย ห้องทั้งห้องเงียบกริบ ทุกคนต่างพากันพยักหน้าบอกว่า “ใช่ ๆ พวกเรา
ก็เคยโดนฝนนี่นา” เรื่องนี้สะกิดว่า “ความรู้อาจสร้างวิธีคิดที่หลากหลาย แต่ประสบการณ์คือความสามารถทำให้คุณแก้ไข
ปัญหา ได้อย่ างรวดเร็ว”
3 : เกลือจิ้มเกลือ
ชายหนุ่มซื้อปลามาจากตลาด เขาบอกภรรย าว่า “ที่รัก ผมซื้อปลามา คุณช่วยทอดให้หน่อยนะ เดี๋ยวผมจะไปดูหนังสักเรื่อง
หนึ่ง แล้วจะกลับมากิน” เมื่อภรรย าได้ยินว่าสามีจะไปดูหนังก็เอ่ยขึ้นว่า “ฉันไปดูด้วย” ชายหนุ่มได้ตอบกลับไปว่า “อย่ าไป
เลย คุณอยู่ทำกับข้าวที่นี่ ค่าตั๋วก็แพง ผมไปดูคนเดียวเดี๋ยวจะกลับมาเล่าให้ฟัง พร้อมทานปลาที่คุณทำนะ” เมื่อชายหนุ่ม
กลับมาจากดูหนังก็เดินเข้าไปที่ห้องครัว แล้วถามภรรย าว่า “คุณ ปลาทอดอยู่ไหน?” ภรรย าสาวนั่งอ่านหนังสือด้วยอาการ
สงบ แล้วตอบว่า “ฉันกินหมดแล้ว มา ๆ มานั่งใกล้ฉันเลยคุณ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังว่าปลามันอร่อยยังไง” เรื่องนี้สะกิดว่า
“คุณปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่ างไร เขาก็อาจปฏิบัติต่อคุณอย่ างนั้น”
4 : ไม่เรียนได้ไหม
ตอนที่เอ็นทรานซ์ผมสอบไม่ติดมหาลัยใดเลย เพื่อนของแม่มาคุยให้แม่ฟังว่า ลูกชาย ของแกสอบติดมหาวิทย าลัยชื่อดัง
แกภูมิใจลูกชายแกมาก ส่วนผมสอบไม่ติดจึงออกมาหางานทำ ผ่านไปไม่กี่ปี เพื่อนของแม่มาเล่าให้แม่ผมฟังว่าลูกชายของ
แกจบดอกเตอร์แล้วตอนนี้ทำงานเป็นอาจารย์ที่มหาวิทย าลัยแห่งหนึ่ง เงินเดือนสามหมื่นกว่าบาท “แล้วลูกชายของเธอล่ะ
ตอนนี้ทำงานอะไร เรียนจบที่ไหน” “ตอนนี้ไอ้โน้ตมันเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถ เงินเดือนไม่มีเ พ ร า ะเป็นเงินของมันทั้งหมด”
แม่ของผมตอบออกไป เรื่องนี้สะกิดว่า “คุณไม่ต้องจบมหาลัยก็ได้ ถ้าไม่งอมืองอเท้า”