เรื่องมันมีอยู่ว่า…
ลูกหมาได้ถามแม่หมาว่า…
“ แม่จ๋า..ทำไมแม่ไม่ค่อยมีเพื่อนเลย
พอเราโตขึ้น คนที่รักเราจะน้อยลงเหรอ?”
แม่หมาเลยตอบว่า
“ ไม่หรอกจ๊ะลูก เมื่อเราโตขึ้น เราจะเหลือคนที่รักเราจริงๆ ต่างหาก
เราจะมีเพื่อนมากที่คุณภาพ ไม่ได้มากที่จำนวน กาลเวลาจะคัดสรรคน
ที่เหมาะสมไว้กับเรา ถ้าเป็นมิตร ก็จะเป็นมิตรที่มีคุณภาพและรักเรา
ถ้าเป็นศัตรู ก็จะเป็นศัตรูที่ผลักดันให้เราต่อสู้ เพื่อก้าวต่อไปข้างหน้า”
ลูกหมาถามแม่ต่อว่า…
“ แล้วถ้าวันหนึ่ง ลูกโตพอที่จะเลือกทางเดินเองได้
แม่จะไม่ทิ้งลูกไปไหนใช่ไหม?”
แม่หมาตอบว่า
“ เมื่อวันหนึ่งลูกเลือกทางเดินได้เอง แม่ก็ยังจะคอยอยู่ข้างๆ
ลูกเหมือนเดิม แต่เมื่อลูกโตขึ้น ลูกก็ต้องหาใครสักคนมาเดินข้างกาย
แม่ก็จะถอยมาวิ่งข้างหลัง แต่ยังคงเฝ้ามองลูกเสมอ จนวันหนึ่งที่แม่
วิ่งไม่ไหว แม่ก็จะหยุด แล้วมองดูลูกเดินต่อไป หรือจนวันหนึ่งที่แม่
ต้องจากไป แม่ก็จะยังวิ่งอยู่ในใจของลูก..ตลอดกาล
ชีวิตคือการก้าวเดินไปข้างหน้า
แต่ลูกจงจำไว้ว่า…
การก้าวเดินที่มีคุณค่า เราต้องไม่ลืมคนข้างหน้า
คนเคียงข้าง หรือแม้แต่คนข้างหลัง เพราะนั่นคือพลังทั้งหมด
ที่คอยผลักดันให้ลูกก้าวไป พร้อมกับพลังของตัวลูกเอง ”
ยิ่งโต..ยิ่งเดินลำพังมากขึ้น ยิ่งสูงขึ้น..ยิ่งรู้ว่าคนที่เดินร่วมทาง
มากับเรา ค่อยๆ หายไปทีละคน ท้ายที่สุดเราจึงพบว่า…
เพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตเราก็คือ “ ตัวเราเอง ”
จงแยกให้ออก “ระหว่างมิตรภาพ กับผลประโยชน์ ”
ต่อให้เป็นคนโปรด “ หมดผลประโยชน์ เขาก็ไม่เอา ”
สิ่งที่หาย ากที่สุด ก็คือความจริงใจนี่แหละ
น้ำทะเล อาจทำให้รอยเท้าของเราจางหายไป
แต่น้ำทะเล ไม่อาจทำให้เราลืมว่า
เรามาจากไหน และมากับใครหรอกนะ
แม่หมาตอบ พร้อมยิ้มให้ลูกหมา ด้วยความรักที่เปี่ยมล้น
ลูกหมาไม่ตอบอะไร ได้แต่เดินช้าลง
แม่หมาสงสัยจึงถามว่า
“ ทำไมเดินช้าจัง ”
ลูกหมาส่งยิ้มหวานไป ก่อนตอบว่า…
“ ก็ลูกอย ากมีเวลาเดินกับแม่นานๆ ไง ”