1.ให้ลูกเรียนรู้ที่จะเติบโตด้วยตัวเอง
เชื่อว่ามีพ่อแม่หลายคนชอบสร้างความคาดหวังในตัวลูกมากไป
อย ากให้ลูกทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการเพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี
แต่การทำเช่นนี้ จะทำให้ลูกรู้สึกอึ ด อัดและกลายเป็นไม่อย ากฟัง
ทำเป็นหูทวนลม ไม่ใส่ใจกับสิ่งที่พ่อแม่พูดแต่อย่ างใดเลย
มีตัวอย่ างจากครอบครัวหนึ่ง… ที่เขากลับทำตรงกันข้ามเลย
ในช่วงสุดสัปดาห์…ฮาวฮาวเล่ น เ ก มเป็นเวลานานมาก และไม่ทำการบ้าน แม่จึงถามว่า
“ ลูกกะจะเล่น เ ก ม ถึงกี่โมง ” ฮาวฮาวตอบแม่ว่า
หนูขอเล่นต่ออีก 10 นาทีนะแม่…
แม่ตอบกลับไปว่า “ ได้ แต่ต้องรักษาคำพูดนะ ”
เมื่อผ่านไป 10 นาที แม่ก็เดินกลับมาดูอีก ฮาวฮาวก็ยังคงนั่งเล่นอยู่ที่เดิม
แม่ โ ก ร ธ มาก แต่ก็ต้องสงบสติอารมณ์และพูดอย่างใจเย็นว่า…
“ ปกติลูกเป็นคนรักษาคำพูดไม่ใช่เหรอ ”
ในตอนนั้นฮาวฮาวก็เริ่มรู้สึกผิ ด จากนั้นก็เดินไปปิดสวิทช์และรีบไปทำการบ้าน
นั้นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านั้น แม่ของฮาวฮาวเคยพูดหลายรอบเกี่ยวกับนิทานเรื่อง
“ การเป็นคนน่าเชื่อถือ ” และนั่นก็ทำให้ฮาวฮาวค่อยซึมซับเข้าไป ปกติแม่จะเป็น
คนที่ให้ความสำคัญในเรื่องการอ่านหนังสือเป็นอย่ างมาก จึงได้ซื้อนิทานที่สร้าง
แร งบันดาลใจให้อ่านมากมาย และจากนิทานเหล่านี้ก็ทำให้ฮาวฮาวเรียนรู้ที่จะนำ
มาใช้กับตัวเอง เพื่อเสริมสร้างนิสัยของตนเอง อดทน อดกลั้น ทำให้ตนเองเป็นคน
ที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น
และประสบการณ์ของครูพบว่า “ แม่ขิ้เกีย จ ” จะทำให้ลูกขยัน
ไม่ขยันที่จะบ่นทั้งวันแต่ใช้เหตุผลในการพูดคุย เพราะเธอรู้ดีว่าลูก
ไม่ช อ บ การบ่น แต่เธอขยั นในการหาวิธีในการรับมือเพื่อปลูกฝั ง สิ่งที่ดีให้กับลูก
2.ไม่เข้าไปช่วยลูกทำการบ้าน
มีคุณแม่ท่านหนึ่งเล่าประสบการณ์ว่า…
ตนเองไม่เคยไปสอนการบ้านให้ลูกชายเลย แม่จะเตือนลูกมากกว่าว่าเวลาไหน
ควรไปทำการบ้าน เมื่อทำเสร็จแล้วก็บอกแม่คำหนึ่งก็พอ ส่วนการตร ว จว่าลูกชาย
ทำถูกหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของตัวเขาเองหรือให้เรียนรู้ว่าถูก ผิ ดจากที่โรงเรียน
แม่มีหน้าที่เพียงเซ็นชื่อก็แค่นั้น ในตอนแรกลูกชายไม่พอใจ โดยพูดว่า
“ แม่ของคนอื่นจะช่วยตร ว จ การบ้านให้ด้วย ทำไมแม่ ขิ้ เ กี ยจแบบนี้ล่ะ ”
เลยตอบลูกชายไปว่า “ ไม่ใช่เพราะแม่ขิ้เกีย จหรอก ลูกคิดดูนะ ถ้าแม่ช่วย
ลูกตรวจการบ้านแล้ว ลูกจะรู้ได้อย่ างไรว่าผิดตรงไหน แล้วต่อไปจะตรวจ
เองเป็นมั้ย ? จำไว้นะว่า…ในตอนนั้นไม่มีใครสามารถมาช่วยลูกตรวจได้
ลูกจะได้ฝึกการตรวจ ความถูกต้อง และ เรียนรู้ด้วยตนเอง ” ในห้องเรียน
ลูกจะเจอบทเรียนก่อน จึงจะได้ทำข้อส อ บ แต่ในโลกแห่งความจริงนั้น
ลูกจะได้เจอบททดสอบก่อน แล้วถึงจะได้บทเรียน นี่คือ สิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้
เธอสอนให้ลูกรู้จักพึ่งตนเอง เมื่อเจอปัญหาก็ต้องคิดใคร่ครวญด้วยตัวเอง
ถ้าคิดไม่ออกจริงๆค่อยขอคำแนะนำจากแม่ได้
ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ขิ้เกี ยจ ” ไม่เคยชี้นำลูกให้เรียนรู้
แต่ปล่อยให้ลูกทำอย่ างอิสระ คิดอย่างอิสระ แต่เธอก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ
เธอยังให้ความสนใจกับลูก และใช้วิธีการที่ชาญฉลาดเพื่อช่วยเมื่อลูก
มีปัญหา มันสอนให้รู้ว่าผู้ปกครองควรที่จะปล่อยลูกของตนเองบ้างใน
เวลาอันสมควร ให้เขาได้เรียนรู้และใช้ชีวิตของตนเองอย่ างเต็มที่
3.สอนให้ลูกเรียนรู้การพึ่งพาตัวเองให้เป็น
คุณแม่เจียเจียได้เล่าประสบการณ์ว่า…
เธอจะไม่เข้าไปช่วยลูกในสิ่งที่พวกเขาทำได้เอง เช่น เมื่อห้องนอนของเจียเจีย
ไม่เป็นระเบียบ แม่จะเตือนเจียเจียว่า ควรจัดห้องยังไงเพื่อให้ดูเป็นระเบียบเรียบ
ร้อย และจะให้ลูกทำเองในช่วงเปิดภาคเรียน คุณครูขอให้นักเรียนห่อปกหนังสือ
เรียนเล่มใหม่ของเทอมนี้ แต่เจียเจียทำไม่เป็น แม่จึงสอนเจียเจียห่อเป็นตัวอย่ าง
จากนั้นก็ปล่อยให้เจียเจียได้ทำเองทั้งหมด เจียเจียไม่อย ากห่อเอง จึงไม่ยอม
ขยับมือ แม่ก็ไม่สนใจอะไรเธอ ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆพร้อมชี้นิ้วบอกให้ทำแต่ไม่เข้า
ไปช่วยห่อ ทำให้เจียเจียต้องนั่งห่อเองทั้งหมด แม่ของเจียเจียพูดว่า….
“ ความจริงถ้าฉันจะเข้าไปช่วยห่อจะประหยัดเวลาได้มากเลยล่ะ…
แต่เจียเจียจะไม่มีวันเรียนรู้ที่ห่อปกหนังสือได้ด้วยตัวเอง
ฉะนั้นนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดคือ ปล่อยให้เจียเจียห่อเอง ถึงจะห่อไม่เรียบร้อยก็เถอะ ”
ประสบการณ์ของครูพบว่า : “ แม่ขิ้เกีย จ”
ไม่เคยขยั นหมั่นเพียรในการช่วยลูก ในการทำสิ่งต่าง ๆ
แต่ให้ลูกได้พึ่งพาอาศัยตัวเอง ช่วยเหลือตัวเองให้ได้
และไม่เฉ ยเมยต่อการฝึกฝน คือการสร้างความรับผิ ดชอบให้กับลูกได้เป็นอย่ างดี