1 : ร่าเริงรื่นเริงครึกครื้น
คนเราควรมีอารมณ์ขันอยู่ตลอดเวลา มองเห็นทุกอย่ างเป็นเรื่องสนุกชีวิตจึงจะสามารถทำงานได้สำเร็จ ลุล่วงและ
มีประสิทธิภาพ ยิ้มแย้มแจ่มใส คนรอบข้างที่อยู่กับเราก็ รื่นเริงกับเราไปด้วย
2 : ใช้ชีวิตให้มีอยู่สติ
ไม่ว่าจะเป็นสติในการกิน แทนที่จะกินตามใจปาก แล้วต้องให้หมอ จ่าย ย า ลดไขมันแล้วทำไมเราไม่ลองหันมาลด
ที่ปากล่ะ ด้วยการใช้สติในการพิจารณาอ ย่ างมีเหตุมีผลเมื่อจะกินอะไร
3 : อักโกธะหรือความไม่โกรธ
นั่นเ พ ร า ะเมื่อโกรธแล้ว มักจะเสียหาย ถ้าคุมอารมณ์ไม่อยู่เมื่อไหร่ก็ตามที่มี เรื่องมากระทบใจ จงพลิกอารมณ์มอง
ให้เห็น เป็นเรื่องสนุก ๆ แล้วจะไม่โกรธ
4 : ระลึกถึงมรณานุสติ
ไม่ว่าใครก็เสียชีวิตได้ทั้งนั้น ไม่ว่าใครก็ต้องเจอ เท่าเทียมกัน หมดทุกคน นั่นแหละหากมองเห็นการเสียชีวิต เป็นเรื่องปกติ
จะทำให้เรานิ่ง กับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
5 : ฝึกการให้โดยไม่หวังอะไรกลับมา
อย่ าเอาแต่อยู่บ้านเฉย ๆ มันไม่เกิดประโยช น์แต่ให้พย าย ามหาอะไรก็ได้ช่วยคนโน้นคนนี้ เท่าที่ร่างกาย ของเราจะทำได้
6 : การดำรงอยู่ในความถูกต้อง
ทั้งความดี และความถูกต้อง เ พ ร า ะบางอย่ างดี แต่ไม่ถูกต้องบางอย่ างถูกต้องแต่ไม่ดี การกระทำของเรานั้น
ต้องตรวจสอบอยู่เรื่อยๆ
7 : อยู่อย่ างสง่าจากไปอย่ างสงบ
ตอนมีชีวิตอยู่ ต้องมีความสง่างามในตัวเองเสมอ ทุกอย่ างต้องพึ่งตัวเองได้ใครเห็นก็ให้ความเคารพนับถือ เมื่อถึงวันที่
ต้องเสียชีวิต ก็ เสียชีวิต อย่ างสงบ
8 : พักผ่อนจิตใจบ้าง
หลายคนเมื่อเกษียณ ก็มักใช้เวลาหา แต่ความสุขทาง “กาย” พากายไปเที่ยวไปสูดอากาศไปกินอาหารดี ๆ แต่คงลืมไป
ว่าไม่ได้คิดที่จะเอาจิตไปพักผ่อน ทั้งที่กายกับจิตนั้ นสัมพันธ์ และมี อิทธิพลต่อกัน
9 : อย่ าหยุดทำงาน อย่ าอยู่เฉย ๆ
เมื่อไหร่ ที่เราหยุดทำงาน ร่างกายของเราก็จะหยุดไปด้วย เหมือนรถที่จอด เฉย ๆสตาร์ทไม่ติด เราต้องคิดว่าอย่ าหยุด
ด้วยจิตและ กายก็อย่ าหยุดด้วย