การแสดงความรักของแต่ละครอบครัวก็มีความแตกต่างกันไป หลายๆ ครอบครัวโอบกอดสัมผัสกันเป็นปกติ
หลายครอบครัวนิ่งๆ ไม่พูดแต่ใช้ความรู้สึกสื่อถึงกัน แต่สำหรับเด็กแล้ว การได้รับการแสดงออกถึงความรัก
ความเข้าใจจากพ่อแม่เป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความแนบแน่น และความมั่นคงความเชื่อมั่นให้กับเด็กๆ
ดังนั้นพูดกันออกมาเถอะค่ะ คำพูดดี ๆ ลูกเขาอย ากได้ยินค่ะ
1 : ลูกเป็น “เด็กดี” ของพ่อกับแม่
พ่อแม่ทุกคนควรทำความเข้าใจธรรมชาติของเด็กก่อนว่า เด็กทุกคนอย ากได้รับคำชมเชยและได้ยินคำยืนยัน
จากพ่อแม่อีกสักครั้งว่า เขาเป็นลูกที่ดีพอหรือไม่ดังนั้นหากลูกเป็นเด็กดี มีน้ำใจ น่ารักกับทุกคน พ่อแม่ก็ควรชมเชย
ลูกบ้างว่า “ลูกเป็นเด็กดีของพ่อและแม่มากเ พ ร า ะการที่เขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ มันจะทำให้ลูกเห็นคุณค่า
ในตัวเองมากขึ้นและเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวอีกด้วย
2 : แม้เลิกกัน แต่ลูกไม่ต้องเลือกรัก
ข้อนี้จะดีสำหรับครอบครัวที่พ่อแม่มีเหตุที่ต้องเลิกลากันไป ทำให้เด็กตกอยู่ในภาวะสับสน เลือกว่าจะต้องอยู่กับใคร
ซึ่งในระหว่างช่วงเวลาสับสนกับการเลือกฝั่งของพ่อและแม่แล้ว ลูกบางคนที่ตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้นอาจ
จะต้องเลือกด้วยว่าจะรักใคร ซึ่งพ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะกีดกันลูกไม่ให้เด็กพบอีกฝ่ายหนึ่งเช่นหากลูกอยู่กับแม่
แม่มักจะสอนให้รักแม่ แต่เกลียดพ่อ หรือหากอยู่กับพ่อก็ต้องรักพ่อและเกลียดแม่เป็นต้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่
แม้ในที่สุดจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ก็ไม่ควรบังคับลูกให้รักใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น เ พ ร า ะยังไงพ่อกับแม่ก็คือบุคคล
ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
3 : พ่อกับแม่ “ยอมรับ” ในสิ่งที่ลูกเป็น
เมื่อลูกเริ่มโตขึ้นมากเท่าไหร่ เขายิ่งต้องการการยอมรับจากพ่อและแม่มากขึ้นเท่านั้นในความเป็นจริงแล้ว
ลูกมักจะพย าย ามทำทุกอย่ างเพื่อให้พ่อแม่ยอมรับในตัวเขาไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตัดสินใจในความรักวัยเด็ก
หรือการกระทำต่างๆ ที่ลูกอาจมีพฤติก ร ร มเบี่ยงเบน แม้พ่อแม่จะอยู่คอยดูอยู่ห่างๆและการที่ลูกรู้ว่าพ่อแม่ยอมรับ
ในสิ่งที่ลูกเป็น และเลือกแล้วนั้น แสดงให้เห็นว่าพ่อแม่ไม่ได้ละเลยแต่อย่ างใดอีกทั้งยังคงรักและเข้าใจอยู่เสมอด้วย
เพียงแค่พ่อแม่บอกกับลูกว่า “พ่อแม่เข้าใจและยอมรับลูกเสมอ ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่ างไรก็ตาม”
4 : พ่อกับแม่ “ไม่ได้หมายความว่าอย่ างนั้น”…นะลูก
บางครั้งพ่อแม่อาจจะพูดอะไรบางอย่ างที่ลูกฟังแล้วรู้สึกเสียใจกับคำพูดเหล่านั้น
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว พ่อแม่อาจพูดไปโดยที่ไม่ได้คิดว่าลูกจะเสียใจกับสิ่งที่พูดออกไป
ดังนั้น หากพ่อแม่ทราบว่าลูกเสียใจกับสิ่งที่ๆได้พูดออกไป ก็ควรอธิบายให้เขาเข้าใจว่า
หมายความว่าอย่ างไรกันแน่ อย่ าให้ลูกเข้าใจผิดๆ แต่ทางที่ดีก็ควรพูดจาให้ชัดเจนตั้งแต่แรกจะดีกว่า
5 : ลูกคือ “คนสำคัญ” ของพ่อกับแม่นะ
จริงๆ แล้ว ข้อนี้อาจเป็นคำที่สำคัญอันดับแรกๆเสียด้วยซ้ำ เมื่อในความเป็นจริงแล้ว ลูก คือคนสำคัญและคนพิเศษ
สำหรับพ่อแม่แต่จะมีสักกี่ครั้งที่พ่อแม่ได้บอกให้ลูกรับรู้จากปากของพ่อแม่เองบ้าง เชื่อเถอะว่าหากได้พูดให้ลูกรู้สิ่งที่
จะได้กลับมานั้นมันย่อมมีค่ามหาศาลมากกว่าเป็นไหนๆ เ พ ร า ะนั่นคือสายใยความรักระหว่างพ่อ แม่ และลูกทั้งนี้
พ่อแม่ทุกคนควรกอดลูกบ้างโดยเฉพาะเมื่อลูกเริ่มโตขึ้น อย่ าให้วัยที่เปลี่ยนไปมาทำให้ระยะห่างพ่อ แม่ ลูกห่างกันจนรู้สึก
ว่าการกอดนั้นเป็นเรื่องแปลก ดังนั้นการกอดลูกแน่นๆและบอกว่าเขาสำคัญมากแค่ไหนแม้จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่มัน
จะเป็นความทรงจำที่คนเป็นพ่อ แม่ และลูกจะไม่มีวันลืมได้เลยอย่ างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นประโยคธรรมดา
จนหลายคนมองข้ามมันไปแต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ได้เลย แม้การกระทำจะสำคัญมากเพียงใด
แต่คำพูดก็ไม่ได้สำคัญน้อยไปกว่า อย่ าลืมว่าในขณะที่พ่อแม่ต้องการได้ยินลูกบอกรัก เขาก็อย ากได้ยินจากคุณเช่นกัน
6 : พ่อกับแม่ “รัก” ลูกมากนะ
แน่นอนว่าลูกคือดวงใจของพ่อแม่ แต่การที่ละเลยคำพูดง่ายๆและมีค่าขนาดนี้มันก็เป็นสิ่งผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่พอควร
เ พ ร า ะคนหลายคนไม่มีโอกาสที่จะบอกรักลูกในวินาทีสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ ในทางกลับกันไม่ว่าจะเป็นลูก หรือ พ่อแม่รวม
ไปถึงคนทุกคน ก็ควรให้ความสำคัญกับความรักและคำพูดไปพร้อมๆ กัน ก่อนที่พ่อแม่จะไม่มีลูกให้บอกรักหรือลูกบอกรัก
ในวันที่สายเกินไป ทั้งนี้ อย่ ามัวแต่แสดงความรัก และเชื่อว่าลูกรู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่รักลูกมากแค่ไหนเ พ ร า ะบางเวลาคำพูด
ก็สำคัญไม่แพ้การกระทำเช่นกัน ดังนั้นบอกรักลูกบ้าง เขาจะได้รู้ว่าจริงๆแล้ว พ่อแม่รักลูกมากแค่ไหน
7 : พ่อกับแม่ “ภูมิใจ” ในตัวลูกมากนะ
มันอาจมีบางอย่ างที่ลูกขทำให้พ่อแม่รู้สึกภูมิใจมากป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความเป็นสุภาพบุรษ มีน้ำใจ
หรือแสดงความสามารถพิเศษให้เห็นอยู่เสมอ พ่อแม่ทุกคนควรลองนึกดูดีๆว่า จุดเด่นของลูกคืออะไร แล้วสิ่งใดที่ทำให้
พ่อแม่ภูมิใจในตัวเขาก็ใช้ช่วงเวลาดีๆบอกให้ลูกได้รับรู้บ้างว่า “พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวลูกมากน้อยแค่ไหน”
เ พ ร า ะคำพูดเพียงไม่กี่คำนี้มันจะเปลี่ยนเป็นพลังและกำลังใจให้ลูกได้อย่ างมหัศจรรย์ทีเดียว
8 : พ่อกับแม่ “สนับสนุน” ลูกเสมอนะ
พ่อแม่ทุกคนควรตระหนักอยู่เสมอว่า “ลูกไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ลูก” เ พ ร า ะฉะนั้นอย่ าเอาลูกไปเปรียบเทียบกับตัวเอง
สมัยเด็กๆ บางอย่ างที่พ่อแม่ชอบ ลูกอาจไม่ชอบ มุมมองที่ต่างกัน ถ้าไม่เข้าใจกันก็ทำให้มีปัญหากันได้และถ้าหาก
เด็กบางคนถูกบังคับมากๆก็จะรู้สึกว่าเขาไม่มีความเป็นส่วนตัว ไร้อิสระ ท้อแท้ และไม่มีความมั่นใจในตัวเองขณะที่บางคน
โตมาในครอบครัวนักกฎหมาย แต่ต้องการเป็นนักเขียน หรือบางคนมีความต้องการใช้ชีวิตอย่ างที่อย ากเป็น
ไม่ว่าเขาจะเลือกเป็นอย่ างไร หากสิ่งที่เขาตัดสินใจนั้นเป็นสิ่งที่ดี พ่อแม่ก็ควรสนับสนุนพวกเขาเพียงแค่บอกว่า
“พ่อกับแม่ยังคงเข้าใจและสนับสนุนลูกทุกเมื่อ ถ้าสิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ดีและลูกต้องการ”
9 : พ่อกับแม่ “เชื่อมั่น” ในตัวลูกเสมอนะ
ช่วงระยะเวลาหนึ่งโดยเฉพาะเมื่อลูกเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่ างอาจเข้ามาจนพ่อแม่ตั้งตัวไม่ติด
ลูกอาจสูญเสียความมั่นใจในการตัดสินใจหรือลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หากใครเคยเจอปัญหาลูกอยู่ในช่วงสับสนแบบนี้
ลองถามตัวเองดูว่า เคยสละเวลาบอกลูกบ้างหรือไม่ว่า“พ่อกับแม่เชื่อมั่นในตัวลูกมากน้อยแค่ไหน
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อและแม่ก็จะอยู่ข้างลูกเสมอ”
10 : พ่อกับแม่ “ขอโทษ”
บางครั้งการขอโทษมันอาจจะเป็นสิ่งที่ย ากที่สุดที่จะพูด แล้วยิ่งคนส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับความเป็นพ่อ
และแม่ค่อนข้างสูงดังนั้น หากพ่อแม่ทำผิดก็จะคิดกันแต่เพียงว่า พ่อแม่ไม่ควรที่จะขอโทษลูกยิ่งคนเป็นพ่อด้วยแล้ว
อาจจะย ากขึ้นไปอีกที่จะกล่าวคำว่า “ขอโทษ” กับลูกอย่ างไรก็ดี คำขอโทษจากพ่อแม่นั้น ลูกๆเองก็ควรมีเหตุผล
และรู้จักบาปบุญคุณโทษด้วยเ พ ร า ะลูกไม่มีสิทธิ์ที่จะขึ้นเสียงหรืออกคำสั่งกับพ่อแม่ไม่ว่าจะประการใดก็ตาม
ทั้งนี้ การที่พ่อแม่กล่าวคำขอโทษกับลูกเมื่อทำผิดพลาดนั้นไม่ได้หมายความว่า ลูกจะดูถูกความเป็นพ่อเป็นแม่
ในทางกลับกันการที่พ่อแม่ยอมรับและกล้าขอโทษนั้น มันยังทำให้ทุกคนเรียนรู้ที่จะเคารพตัวเอง
เ พ ร า ะกล้าที่จะยอมรับในสิ่งที่ทำลงไป อีกทั้งยังเคารพความรู้สึกของผู้อื่นด้วย