6 เรื่องส่วนตัว อย่ าเอาไปเล่าให้ใครฟัง
1 : ปัญหาครอบครัว
ยิ่งคนอื่นรู้ความลับในครอบครัวเราน้อยเท่าไหร่ ครอบครัวของเราก็ยิ่งเข้มแข็ง
ขึ้ น ม า ก เ ท่ านั้น การจะแก้ไขปัญหาในครอบครัวได้ต้องอาศัยความรักและ
ค ว า ม เข้าใจ ยิ่งคุณนำเรื่องราวในครอบครัวไปบ่นกับผู้อื่น ก็จะยิ่งทำให้แก้
ปัญหาได้ย ากขึ้น
2 : ความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ของคุณ
ไม่ จำ เป็นเลยที่จะต้องโอ้อวดไลฟ์สไตล์ส่วนตัว มันไม่ใช่เรื่องที่น่าคุยโว ว่า
ต อ น นี้ น้ำหนักฉันลงไปแล้วกี่กิโลกรัมหรือเอาชนะการตื่นสายได้แล้ว หรือ
คุณสามารถเลิกอบายมุขได้แล้วเ พ ร า ะถ้าคุณละแล้วซึ่งความสุขทางโลก
ก็ ไม่ เห็นจำเป็นต้องมาพูดถึงเรื่องอะไรแบบนี้อีก ไม่มีประโยชน์ที่จะแสดง
ตัวตนหรืออัตตาใด ๆ เ พ ร า ะถ้าคุณพึงพอใจในตัวเอง ก็จะไม่ต้องการคำ
ป้อยอสรรเสริญจากใครอีก
3 : เรื่องราวที่ทำให้คุณไม่พอใจ
ก า รพร่ำบ่นกับเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นเลย เช่นเดียวกับ
ที่ ค น อื่นทำเสื้อผ้าคุณเลอะ แล้วคุณไม่พอใจแถมยังพร่ำบ่นซ้ำ ๆ นั่นแปลว่า
ใ จ คุ ณ ก็ เ ล อ ะไปด้วยคนที่เก็บทุกสิ่งทุกอย่ างที่ขุ่นข้องหมองใจไว้กับตัว
ก็ไม่ต่างกับคนที่ใส่รองเท้าย่ำเข้าบ้าน บ้านสกปรกเช่นไร ใจก็สกปรกเช่นนั้น
ชีวิตคนเรามันสั้นนัก จะมาเสียเวลาหงุดหงิดพร่ำบ่นกันไปอีกทำไม
4 : แผนการอันยิ่งใหญ่ที่คุณต้องทำ เพื่อก้าวไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต
จงเก็บมันไว้เป็นความลับ จนกว่าคุณจะจัดการมันสำเร็จเรียบร้อย เ พ ร า ะใน
ทุ ก ๆ แ ผ นการ มักมีจุดอ่อนซ่อนอยู่ (ซึ่งคุณอาจไม่รู้)หากมีคนเห็นจุดบอด
นั้น และหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น อาจทำให้คุณท้อแท้กับอุปสรรคตรงหน้า
ก็เป็นได้
5 : ความดีที่เคยทำ
การทำดีไม่จำเป็นต้องพูดเอาหน้า ไม่ต้องทวงบุญคุณ การโอ้อวดคุณงาม
ค ว า ม ดี ที่ ตนทำ จะทำให้คุณเป็นคนเย่อหยิ่งหากคุณยังรู้สึกว่าต้องพูด
ก็ควรกลับมาทบทวนดูว่า คุณทำความดีเพื่ออะไรกันแน่ คุณทำด้วยความ
บริสุทธิ์ใจหรือเพียงเ พ ร า ะอย ากให้คนอื่นยกย่อง
6 : เรื่องของชีวิตและจักรวาล
ไม่จำเป็นต้องพูดคุย แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับความรู้ด้านชีวิตและจักรวาล
เ พ ร า ะ นั่ น คื อ การตีความของเราเพียงคนเดียว มันยังไม่ใช่ความจริงแท้
กา ร เปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้ จะถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์ เกิดการเอาชนะกัน
ไม่จบสิ้น ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ