วางแผนการเงิน ฉบับใช้ได้ตลอดชีพ
วันเวลาผ่านพ้นไปคนทุกคนย่อมมีอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่เติบโตพร้อมกับอายุของเรานอกจากประสบการณ์ชีวิต
แล้วก็ยังมีสิ่งที่เรียกว่า“เงินเฟ้อ”ที่เติบโตอย่ างรวดเร็วนับตั้งแต่เราเกิดจนเราแก่เฒ่าชราภาพดังนั้นการวางแผน
การเงินไว้ใช้ตลอดชีพเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อจึงเป็นเรื่องสำคัญบทความนี้จะแบ่งแนวทางการวางแผนออกเป็น
ช่วงเวลาของชีวิตดังต่อไปนี้
ช่วงเด็ก
ช่วงที่เราเป็นเด็กเราไม่สามารถหาเงินเองได้ แหล่งรายได้ของเราจะมาจากคุณพ่อคุณแม่หรืออาจจะมีพ่อแม่เก็บ
ไว้ให้บางส่วน ช่วงเวลานี้แม้เราจะไม่ได้หาเงินด้วยตนเอง แต่สิ่งที่เราทำได้ คือ การใช้จ่ายเงินอย่ างรู้คุณค่า
การที่เรารู้จักฝึกตัวเองให้รู้คุณค่าของเงินตั้งแต่ยังเด็กจะเป็นรากฐานที่ดีที่ทำให้เรามีวินัยทางการเงินและ
ไม่เป็นคนล้มเหลวเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ในอนาคตนั่นเอง
ช่วงวัยเรียน
สำหรับช่วงวัยเรียนนั้นเราสามารถมีรายได้มากกว่าหนึ่งทาง นอกจากรายได้ที่เราได้รับจากพ่อแม่แล้ว อาจจะมี
งานพาร์ทไทม์บ้าง เพื่อสร้างกระแสเงินสดเพิ่มเติม งานพาร์ทไทม์แบบดั้งเดิมก็คือ การทำงานแลกเงินตาม
ร้านอาหารต่าง ๆ แต่งานพาร์ทไทม์สมัยใหม่เราสามารถเป็นฟรีแลนซ์ ทำงานออนไลน์ ในรูปแบบต่าง ๆ
ได้แก่ รับถ่ายภาพ รับเขียนบทความ หรือขายของออนไลน์ เป็นต้น เคล็ดลับการวางแผนสำหรับคนวัยนี้
ก็คือ การตั้งเป้าหมายเป็นรูปธรรมจับต้องได้ ยกตัวอย่ างเช่น เราอาจตั้งเป้าหมายมีเงินเก็บหลักแสน
ก่อนเรียนจบ เป็นต้น
ช่วงทำงาน
สำหรับช่วงวัยทำงานถ้าเราวางแผนมาดีตั้งแต่ต้น เราจะมีเงินเก็บเริ่มต้นก้อนหนึ่งที่มันอาจมีค่ามากขึ้น หรือ
งอกเงยมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ข้อดีของคนวัยทำงานก็คือ การเป็นโสด ยังไม่มีครอบครัวต้องดูแลรับผิด
ชอบ ทำให้เงินที่หามาได้สามารถนำไปลงทุนได้มากกว่าคนที่มีภาระครอบครัว แนวคิดก็คือ ควรแบ่งเงิน
อย่ างน้อย 20-30% ของรายรับที่เราทำได้มาลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อ นั่นก็คือ การ
ลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ ลงทุนในกองทุนรวม ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือลงทุนในหุ้นที่ดี หาก
เราต้องการผจญภัยหน่อยสามารถลงทุนแบบเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงรูปแบบอื่น ๆ แต่ต้องศึกษามา
ให้ดีก่อนตัดสินใจ เนื่องจากการลงทุนทุกชนิดมีความเสี่ยงแฝงอยู่เสมอสำหรับเป้าหมายในวัยทำงาน
ควรตั้งเป็นรูปธรรมเช่นกัน อาจตั้งเป้ามีเงินล้านแรกในช่วงนี้ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่ างใด
ช่วงมีครอบครัว
เป็นช่วงที่เริ่มมีภาระความรับผิดชอบ มีครอบครัว มีภรรย า มีลูก และอาจจะต้องแบ่งเงินเป็นส่วน ๆ ให้ตนเอง
และครอบครัว และพ่อแม่ที่เริ่มอายุมากขึ้น รวมทั้งต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพควบคู่ไปด้วย สำหรับ
วัยนี้ควรแบ่งเงินออกเป็น 4 ก้อน ได้แก่
เงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เงินก้อนนี้ ได้แก่ เงินสำหรับกินสำหรับใช้ เงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ ตัดบัตรเครดิต
และอื่น ๆ ควรใช้จ่ายให้เหมาะสมกับรายรับที่เราทำได้เงินเก็บออมย ามฉุกเฉิน เงินส่วนนี้ควรเป็นเงินเย็นเก็บ
ออมไว้สำหรับกรณีที่เราไม่คาดคิด เช่น กรณีต้องจ่ายค่ารักษาพย าบาลแบบฉุกเฉิน การเก็บเงินก้อนนี้เรา
สามารถเก็บเป็นเงินฝากออมทรัพย์ที่จะนำเงินออกมาได้ไม่ย าก หรือเก็บไว้ในรูปแบบของประกันชีวิตก็
สามารถทำได้เงินเก็บเพื่อการศึกษาสำหรับคนที่มีลูก เงินก้อนที่สามที่สำคัญสำหรับครอบครัวที่มีลูกก็คือ
เงินสำหรับการศึกษา การศึกษาในสมัยนี้ต้องยอมรับว่าค่าใช้จ่ายสูงมาก หากเราไม่วางแผนไว้แต่เนิ่น ๆ
จะเกิดปัญหาตามมาภายหลังอย่ างแน่นอน อย่ างน้อยควรมีเงินก้อนเพียงพอสำหรับค่าเลี้ยงดูลูกย าม
แรกเกิด และค่าเทอมบุตรในช่วงวัยเรียนของเด็ก ๆ
ก้อนสุดท้ายเงินสำหรับการลงทุน ในช่วงมีครอบครัวเราไม่สามารถแบ่งเงินไปลงทุนมาก ๆ ได้เหมือนช่วงวัย
ทำงาน เงินก้อนสุดท้ายนี้จึงควรเป็นเงินที่เหลือเก็บจากเงินสามก้อนแรก และนำมาลงทุนตามแนวทางที่เรา
ถนัด ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวม หุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์
ช่วงเกษียณ
สำหรับคนในวัยเกษียณอาจจะเป็นการใช้เงินอีกแบบ การใช้เงินของคนวัยนี้ถ้าเราวางแผนมาดีตั้งแต่ต้น เราก็
สามารถใช้เงินได้อย่ างสุขสบาย แต่ถ้าเราวางแผนมาไม่ดี เราก็จะต้องอยู่อย่ างกระเบียดกระเสียร หมายถึง
ต้องประหยัดสุดขีด แต่ถ้าเราวางแผนมาดีเราจะมีเงินก้อนส่วนหนึ่งที่สามารถผลิตกระแสเงินสดให้เราได้ใช้
จ่าย ย ก ตัวอย่ างเช่น ถ้าเราเกษียณแล้ววางแผนว่าเราต้องมีเงินใช้จ่ายเดือนละ 2 หมื่นบาทจะเพียงพอใน
วันที่เราเกษียณเราควรมีสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้ 5-10% หรือปีละ 240,000 บาท ถ้าเรามีสินทรัพย์
ที่สร้างผลตอบแทนได้ 5% และต้องการใช้จ่ายได้เดือนละ 20,000 บาท สินทรัพย์นั้นควรมีขนาดประมาณ
4.8 ล้านบาท และถ้าสินทรัพย์นั้นสามารถทำผลตอบแทนได้ 10% สินทรัพย์ที่เราต้องการก็จะมีขนาดราว
2.4 ล้านบาท
หลายท่านอาจคิดว่าจะมีด้วยหรือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน 5-10% ต่อปีอย่ างสม่ำเสมอ ก็ขอตอบว่า “มี”
ยกตัวอย่ างเช่น หุ้นกู้บางบริษัทให้ผลตอบแทน 4-5% ต่อปี หรือหุ้นสามัญของบริษัทที่มั่นคงจะให้ผลตอบ
แทน 5% ก็ยังมี แม้แต่การซื้อคอนโดปล่อยเช่า หากเราจ่ายเงินต้นหมดแล้วผลตอบแทนจากการลงทุนจะ
อยู่ราว 7-10% ต่อปี ขึ้นอยู่กับทำเลที่เราเลือกลงทุนนั่นเอง
สำหรับการวางแผนการเงินที่สามารถใช้ได้ทั้งชีวิตนั้นเป็นเรื่องใหญ่ และมีรายละเอียดมากมาย ทั้งนี้ทั้งนั้น
สิ่งที่สำคัญ คือ “เงินสำรองฉุกเฉิน” ที่เราควรมีไว้เสมอ เ พ ร า ะเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง การใช้ชีวิตที่
ไม่ประมาทจะทำให้เราอุ่นใจ และสุขใจได้แม้ย ามทำงาน หรือย ามที่เราเกษียณไปแล้วนั่นเองค่ะ